Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

By: watpasukato

Language: th

Categories: Religion, Spirituality, Buddhism

เสียงบรรยายธรรมของหลวงพ่อไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ

Episodes

25680916pm--พบมิตรที่ใจ
Dec 15, 2025

16 ก.ย. 68 - พบมิตรที่ใจ : ความสามารถในการยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นคุณสมบัติหรือทักษะที่ประเสริฐมาก ที่จะช่วยลดความทุกข์ของเราได้เยอะ แล้วเราจะพบว่าความทุกข์ของเรา โดยเฉพาะความทุกข์ใจ ล้วนแล้วแต่เป็นอาการที่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เสียงไม่ได้ทำให้เราทุกข์ แต่ใจที่ปฏิเสธผลักไสต่อเสียงนั้นทำให้เราทุกข์ เช่นเดียวกัน ความฟุ้งไม่ได้ทำให้เราทุกข์ แต่ใจที่ปฏิเสธผลักไสไม่ยอมรับ ทำให้เราทุกข์

ถ้าเราเรียนรู้ รู้แบบรู้ซื่อ ๆ รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง เราจะได้เรียนรู้จากความฟุ้ง แทนที่จะมีความทุกข์เกิดขึ้น นี่คือทักษะที่สำคัญ แม้เราจะไม่ได้ความสงบอย่างที่คาดหวัง แต่เราจะได้ของดีอย่างที่เราคิดไม่ถึง 

Duration: 00:29:24
25680915pm--รู้ตัวได้ไว ใจก็หายทุกข์
Dec 14, 2025

15 ก.ย. 68 - รู้ตัวได้ไว ใจก็หายทุกข์ : ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การทำการงาน สัมมาสติมีประโยชน์มาก มีประโยชน์ถึงขั้นที่จะพาเราพ้นทุกข์ได้ เพราะช่วยทำให้เกิดปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่เรียกว่าโลกุตรธรรม และสามารถที่จะทำให้จิต ยกจิตอยู่เหนือความยึดติดถือมั่น ซึ่งเป็นธรรมดาโลกได้

ก็ให้เราเข้าใจว่า สติที่เรากำลังฝึกนี้คืออะไร และจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเราปฏิบัติถูก เราก็จะไม่วิตกกังวลกับความคิดที่เกิดขึ้นเยอะ เพราะหน้าที่ของเราก็แค่ดูมันเฉย ๆ ไม่ใช่ไปบังคับให้มันมีน้อยลง จะมีมากหรือน้อยไม่สำคัญ อยู่ที่ว่ารู้ทันหรือเห็นมันแบบรู้ซื่อ ๆ หรือเปล่า อันนี้คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้สัมมาสติของเราเจริญก้าวหน้า 

Duration: 00:28:53
25680914pm--ฝึกใจให้แค่รู้
Dec 13, 2025

14 ก.ย. 68 - ฝึกใจให้แค่รู้ : ความรู้สึกตัวก็เหมือนกัน ก็อยู่กับเรา แต่เราอาจจะไม่ค่อยสังเกต แต่จะตระหนักรู้หรือสังเกตชัด ก็ต่อเมื่อมีความหลง แล้วกลับมารู้ตัว ที่จริงแล้วความหลงก็เป็นตัวฝึกสติ ให้รู้ทันได้เร็วได้ไว​ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจก็คือว่า การฝึกตนหรือการปฏิบัติธรรม ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของการให้ ใจดีมีเมตตา หรือการกดข่ม การหักห้ามใจ เราทำอย่างนั้นมาเยอะแล้ว เราลองมาฝึกการเห็นการรู้

แต่ก่อนที่จะไปรู้ความคิด รู้อารมณ์ ต้องมารู้กายก่อน รู้กายไม่ใช่เห็นว่ามือกำลังขยับ เท้ากำลังเขยื้อน ไม่ใช่ใช้ตาเนื้อ แต่ใช้ตาใน ก็คือสติ เราจะสังเกตว่า บ่อยครั้งเราเดินเราไม่ค่อยรู้กาย เพราะตอนนั้นใจลอย ยกมือสร้างจังหวะแต่ไม่ค่อยรู้สึกว่ามือยก เพราะว่าใจลอย ใจไปรับรู้เรื่องราวที่เป็นอดีต หรือกำลังครุ่นคิดกับอนาคต ก็เลยไม่รับรู้กาย   เดินก็มีแต่กายที่เดิน แต่ว่าไม่รู้สึกว่ากายเดิน จนกว่าจิตจะกลับมารู้เนื้อรู้ตัว หรือกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว พอจิตกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ก็รู้เนื้อรู้ตัว รู้ว่ามือเคลื่อนไหว เท้าเขยื้อนขยับ ฉะนั้นให้เรามีสติรู้กายไปก่อน ต่อไปก็จะรู้ใจ รู้ทันความคิด รู้ทันอารมณ์ ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการที่เรายอมให้อะไรต่างๆ เกิดขึ้นกับกายและใจโดยที่ไม่ผลักไส ไม่ไปควบคุม เราควบคุมใจมามากแล้ว เราลองมาดูใจและเห็นมันอย่างที่มันเป็น โดยที่ไม่ไปแทรกแซง 

Duration: 00:28:39
25680913pm--จิตพัฒนาเพราะรู้จักหาตัวช่วย
Dec 12, 2025

13 ก.ย. 68 - จิตพัฒนาเพราะรู้จักหาตัวช่วย : รู้จักหาประโยชน์จากคำต่อว่า ก็เอาคำต่อว่าเป็นตัวช่วย ช่วยเราได้หลายอย่าง มาช่วยฝึกขันติของเราก็ได้ มาช่วยให้เราเห็นความโกรธที่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะคนส่วนใหญ่เป็นปุถุชนพอเจอคำต่อว่าก็เกิดความโกรธ แต่ความโกรธเป็นแบบฝึกหัด เป็นโจทย์ให้กับนักปฏิบัติว่าเราจะรับมือได้อย่างไร แล้วที่จริงความโกรธก็สอนให้เราเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ด้วย สอนให้เห็นไตรลักษณ์ได้ไม่น้อยไปกว่าความดีใจ ความยินดี หรือความสุข

เพราะฉะนั้นนักปฏิบัติต้องรู้จักหาตัวช่วย อย่าไปรอตัวช่วยเวลาอยู่วัด เวลามาเข้าคอร์ส ออกไปข้างนอกก็มีตัวช่วยมีเยอะแยะ แม้กระทั่งคนในบ้านที่เคยทำให้เราหงุดหงิดหัวเสีย จนกระทั่งต้องหนีมาอยู่วัด แต่พอเราเข้าใจธรรมะระดับหนึ่ง มีสติเริ่มจะแก่กล้าขึ้น เราก็กลับไปเพื่อที่จะรับมือกับสิ่งที่กระทบต่าง ๆ โดยรู้จักหาตัวช่วยมาให้กับการเจริญสติเพื่อรู้ทัน พออินทรีย์แก่กล้า สิ่งกระทบนั้นจะเป็นตัวช่วยชั้นดี ช่วยขัดเกลากิเลส ช่วยลดละความยึดติดถือมั่น ทำให้เห็นอุปาทาน   เพราะทุกครั้งที่เราโกรธ เป็นเพราะความยึดติดถือมั่นเรียกว่าอุปาทาน อาจจะเป็นยึดติดถือมั่นในทรัพย์สมบัติเรียกว่ากามุปาทาน ยึดติดถือมั่นในความคิดความเห็นของเราว่าความคิดของเราถูกเรียกว่าทิฏฐุปาทาน หรือยึดติดถือมั่นในตัวกูคืออัตตวาทุปาทาน หรือยึดติดถือมั่นในวิธีการว่าต้องแบบนี้ ๆ ยึดติดในรูปแบบ ต้องยกมือแบบนี้เรียกว่าสีลัพพตุปาทาน   พวกนี้เวลาตราบใดที่ยังฝังอยู่ในใจ ก็พร้อมจะกระตุ้นทำให้เกิดความโกรธ ทำให้เกิดความไม่พอใจ แล้วถ้าเรารู้จักพิจารณาความโกรธ ความไม่พอใจ แม้กระทั่งความทุกข์ เราจะเห็นอุปาทานที่คอยชักใยซ่อนอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายเราก็จะเห็นผู้ร้าย ผู้ร้ายตัวจริง แท้จริงคือตัวชักใยให้เกิดความทุกข์ 

Duration: 00:28:22
25680912pm--สติจำเป็นต่อชีวิตอย่างไร
Dec 11, 2025

12 ก.ย. 68 - สติจำเป็นต่อชีวิตอย่างไร : การที่ใจเราจะหลงไปบ้าง หรือหลงไปบ่อยๆ เพราะเราไม่มีการบังคับจิตไม่ให้อยู่กับที่ แต่เราปล่อยให้มันไป ไปทีไรมันก็หลงทุกที หลงเข้าไปในความคิด หลงเข้าไปในอารมณ์ หลงเข้าไปในอดีต หลงเข้าไปในอนาคต

แต่พอเราฝึกสติ เราก็ฝึกวิธีที่จะให้จิตกลับมา กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ก็รู้สึกตัว กลับมารู้สึกตัวบ่อยๆ สติเราก็จะไวขึ้น ต่อไปเวลามีอะไรมากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือแม้แต่ทางใจ เกิดอาการสั่นไหวใจกระเพื่อม เกิดอารมณ์ตามมา เช่น ความโศกความเศร้า ความโกรธ เราก็จะรู้ทัน เห็นมันได้เร็ว แล้วเราจะรู้วิธีว่า ทำยังไงถึงจะเห็นโดยไม่เข้าไปเป็น   เมื่อเรารู้วิธีที่จะเห็นโดยไม่เข้าไปเป็น เราก็จะพบว่าความสงบเกิดขึ้นได้แม้ไม่บังคับจิต ความสงบเกิดขึ้นกับใจได้แม้เปิดตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง เป็นความสงบที่เกิดจากการรู้ ไม่ใช่ความสงบที่ตัดการรับรู้ หรือการปิดตา หรือการปิดโทรศัพท์มือถือ หรือว่าปิดประตูหน้าต่าง ตัดการรับรู้โลกภายนอก ซึ่งทำให้เราสงบได้ชั่วคราว   ความสงบที่สำคัญก็คือ สงบแม้จะรับรู้ รับรู้คือรับรู้ทางตา รับรู้ทางหู หรือแม้กระทั่งใจเกิดเผลอคิดนึกอะไรไป หรือเมื่อเกิดอารมณ์ขึ้นมาจากการกระทบ ไม่ว่าจะเพราะมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนให้เกิดความยินดี หรือยั่วยุให้เกิดความโกรธ อารมณ์เหล่านี้ก็ทำให้ใจหวั่นไหวกระเพื่อมไม่ได้เลย   เป็นความสงบเพราะรู้ รู้เพราะว่ามีสติ รู้ทันความคิด รู้ทันอารมณ์ เห็นโดยไม่เข้าไปเป็น เป็นความสงบที่เกิดจากความรู้สึกตัว เพราะเราจะรู้สึกตัวได้ เราต้องวาง ต้องวางอดีต วางอนาคต แล้วพอเรารู้สึกตัวได้ การวางก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย และไม่ว่าเราจะวางก่อนรู้สึกตัว หรือวางหลังจากรู้สึกตัว สิ่งที่เกิดขึ้นคือความโปร่งความเบา ซึ่งเราก็เรียกอีกอย่างว่าความสงบ 

Duration: 00:32:23
25680911pm--ยอมรับความจริงได้ ใจคลายทุกข์
Dec 10, 2025

11 ก.ย. 68 - ยอมรับความจริงได้ ใจคลายทุกข์ : บางครั้งความคาดหวังก็ทำร้ายเรา สิ่งที่ทำให้คนเรายอมรับความทุกข์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ก็เพราะเรามีความคาดหวังที่ตรงข้าม คาดหวังว่าจะอายุยืน คาดหวังจะไม่เจ็บไม่ป่วย พอความจริงสวนทางกับความคาดหวัง ทุกข์เลย และทำให้ยอมรับความจริงไม่ได้ หลายคนไม่ค่อยตระหนัก ความคาดหวังสามารถทำร้ายเราได้ แม้ความคาดหวังจะไม่ได้เกินเลยไปสักเท่าไหร่ แต่ถ้ามันสวนทางกับความจริงแล้ว ก็สามารถทำร้ายเรา แต่คนไม่ค่อยตระหนัก

อย่างที่เราสวดทุกเช้ามีประโยคหนึ่ง ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ ไม่ได้นี่ไม่เป็นไร แต่ที่ทำให้ทุกข์เพราะว่าปรารถนาแล้วไม่ได้ การที่เราไม่ได้ ไม่ทำให้เราทุกข์ แต่ตัวที่ทำให้ทุกข์ คือความปรารถนาหรือความคาดหวัง 

Duration: 00:27:44
25680910pm--ทุกข์เบาบาง เมื่อวางใจถูก
Dec 01, 2025

10 ก.ย. 68 - ทุกข์เบาบาง เมื่อวางใจถูก : เวลามีอะไรร้าย ๆ เกิดขึ้นกับเรา สิ่งสำคัญคือใจ ถ้าเราวางใจให้ดี มันก็จะไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกข์มันจะจางคลายลง ถ้าเราวางใจให้ถูก วางใจให้เป็น

Duration: 00:28:50
25680909pm--ฝนสอนธรรม
Nov 30, 2025

9 ก.ย. 68 - ฝนสอนธรรม : เราจะตั้งมั่นที่จะเตรียมตัวให้พร้อม เหมือนกับถ้าไม่อยากให้ฝนตกมาเปียก เราก็สร้างบ้าน สร้างอาคาร มุงบังให้แน่นหนา ฝนตกแต่ตัวไม่เปียก ดังอุปมาอุปไมย หมายความว่า ถ้าเรามีเครื่องรักษาใจ อย่าว่าแต่ฝนเลย แม้ว่าเหตุร้ายต่าง ๆ ที่ใคร ๆ ไม่ประสงค์แม้เกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ใจทุกข์ได้

นี้คือความสำคัญหรือเหตุผลที่เราต้องมาฝึกจิตรักษาใจ เพราะว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตนี้ที่ควบคุมไม่ได้เลย และฝนก็เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้น จะว่าไปแล้ว ฝนเขาก็มาสอนธรรมให้กับเรา แทนที่เราจะบ่นว่าฝนตกทำไม ทำไมมาตกเวลานี้ เราก็มาถามตัวเราเองว่า ฝนสอนอะไรเรา ให้แง่คิดอะไรกับเราบ้าง 

Duration: 00:20:52
25680908pm--ชีวิตเปลี่ยนเพราะตั้งคำถามถูก
Nov 29, 2025

8 ก.ย. 68 - ชีวิตเปลี่ยนเพราะตั้งคำถามถูก : ความทุกข์เกิดจากความคาดหวังของเรา เป็นความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับความจริง รถติดไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่การที่เราตั้งความหวังไม่ตรงกับความจริง นั่นก็หมายความว่า เหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ใจเรา ไม่ใช่เพราะรถติด รถติดแต่จิตไม่ตกก็ได้ ถ้าเราวางใจเป็น เช่นเดียวกัน เวลาใครมาส่งเสียงดัง หรือว่าโทรศัพท์มือถือไม่ปิด มีเสียงสัญญาณ มีเสียงเข้ามา เราก็รำคาญ อาจจะนึกในใจว่า ทำไมเขาไม่ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าที่นี่เขาให้ปิดโทรศัพท์มือถือ

ถ้าถามแบบนี้ มันทำให้เราหงุดหงิดง่าย แต่ถ้าเราถามใหม่ว่า ทำไมเราต้องหงุดหงิดกับเสียงโทรศัพท์ด้วย พอถามอย่างนี้ ก็ทำให้เรากลับมาดูตัวเองว่า เราหงุดหงิดเพราะอะไร แล้วเราก็จะพบคำตอบว่า เหตุแห่งทุกข์ หรือเหตุแห่งความหงุดหงิดอยู่ที่ใจเรา เพราะว่าถ้าเราวางใจถูก เสียงโทรศัพท์ดัง ใจเราไม่ทุกข์ก็ได้ เพราะมีสติ รู้ทัน เวลาจิตกระเพื่อม เมื่อมีเสียงกระทบหู   ฉะนั้น การตั้งคำถามเวลาเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจไม่ว่า รูป รส กลิ่น เสียง ที่มากระทบ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิต ถ้าเราตั้งคำถามถูกจะได้ประโยชน์ เป็นคำถามที่ชวนให้กลับมาใคร่ครวญตัวเอง เป็นคำถามที่ชวนให้กลับมาดูแลใจตัวเอง แต่ถ้าเราตั้งคำถามไม่ถูก ก็กลายเป็นการซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับจิตใจ​ ลองถามตัวเองว่า ที่เราทุกข์ทุกวันนี้ เป็นเพราะเราตั้งคำถามผิดหรือเปล่า ไม่ใช่เฉพาะในการดำเนินชีวิต แม้กระทั่งในเวลาทำงานด้วย 

Duration: 00:27:14
25680907pm--น้อมใจสู่วิถีธรรม
Nov 28, 2025

7 ก.ย. 68 - น้อมใจสู่วิถีธรรม : แม้ปัญหาบางอย่างต้องไปจัดการภายนอกด้วย แต่ก็ทำด้วยใจที่สงบ เรียกว่าทำกิจและทำจิตด้วย วิถีโลกเขาทำกิจอย่างเดียว จัดการกับสิ่งภายนอก ใครไม่ดีก็จัดการเอาออกไป หรือไม่ก็เล่นงาน แต่ว่าในทางวิถีธรรม เมื่อมีความไม่พอใจเกิดขึ้นในใจ เราก็จัดการที่ใจเรา เพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากภายนอกย่างเดียว ปัญหาเกิดขึ้นจากใจของเราด้วย

วิถีธรรมก็นำไปสู่การแก้ที่ใจ มีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น เห็นมันชัด ๆ แต่ว่าก็ไม่ลืมที่จะมาดูแลใจให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะถ้าไม่ดูแลใจให้ถูกต้อง ปล่อยให้ใจไม่ถูกต้อง สิ่งที่ทำไป ก็จะนำไปสู่ปัญหา นี่คือวิถีธรรมที่เราต้องเข้าใจ ต่างจากวิถีโลกมาก แต่บางคน ที่จริงจะว่าไปก็เกิดขึ้นกับหลายคนมาก เวลามาปฏิบัติธรรมมาวัด แต่ว่าใจก็ยังคิดแบบโลก ๆ อยู่ อยากมั่งอยากมี อยากเด่นอยากดัง อยากให้คนชม หรือว่าเวลามีความทุกข์ใจเกิดขึ้น ก็คิดแต่จะจัดการกับสิ่งที่อยู่ภายนอก ไม่ได้มองว่าใจของเราก็เป็นปัญหาที่เราต้องจัดการเหมือนกัน   ต้องเข้าใจความแตกต่างให้ดี ระหว่างวิถีโลกกับวิถีธรรม เพื่อที่ว่าเวลาเรามาวัด เราก็จะไม่เอาวิถีโลกมาใช้ในการแก้ปัญหา และมีความพยายามที่จะน้อมใจเข้าสู่วิถีธรรม เพราะนั่นคือสิ่งที่จะช่วยทำให้จิตใจเราเจริญงอกงาม ช่วยให้พบกับความสงบเย็นอย่างแท้จริง 

Duration: 00:28:56
25680906pm--ความรูสึกที่ควรมีให้มาก
Nov 27, 2025

6 ก.ย. 68 - ความรูสึกที่ควรมีให้มาก : เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกตัวขึ้นมามันจะวาง เกิดความเบาขึ้นมา คนที่ท้อ คนที่เหนื่อยหน่าย หรือคนที่งัวเงีย อารมณ์พวกนี้จะหายไปเลย แล้วจะทำให้เราไม่ได้เป็นทาสของความรู้สึก ถ้าคนเราเป็นทาสของความรู้สึก โดยเฉพาะเป็นทาสสุขเวทนา ชีวิตก็มีแต่จะผิดศีลผิดธรรมได้ง่าย แต่ถ้าเรารู้สึกตัวเมื่อไหร่ ก็จะมั่นคงอยู่ในศีลมั่นคงอยู่ในธรรม และเจริญก้าวหน้าจนพบธรรมที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เรามาฝึกกันที่นี่ หลายคนถามว่าทำไมไม่เน้นเรื่องสมาธิ ไม่เน้นเรื่องความสงบ อันนั้นเป็นผลพลอยได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีความรู้สึกตัว

แต่ถ้าเอาความสงบเป็นหลักก็อาจจะเกิดความสงบประเภทที่จมอยู่ในความหลงก็ได้ หรือมีสมาธิแต่ไม่มีสติ แต่ถ้ามีสติเมื่อไหร่การเกิดสมาธิก็ไม่ใช่เรื่องยาก และสติเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกตัว และทำให้ใจนี่พบกับความสงบ ความโปร่ง ความเบาได้ เพราะว่าวางสิ่งที่ทำให้จิตใจว้าวุ่น ฉะนั้นมาเรียนรู้เรื่องความรู้สึกตัว ทำความเข้าใจความรู้สึกตัวให้ดีๆ 

Duration: 00:27:58
25680905pm--อย่าให้ความอยากเอาชนะครองใจเรา
Nov 26, 2025

5 ก.ย. 68 - อย่าให้ความอยากเอาชนะครองใจเรา : เรื่องนิสัยหรือว่าความอยากเอาชนะ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัว ข้อดีมันก็มี แต่เราต้องระวัง เพราะถ้าเราไม่รู้เท่าทันมัน อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้เราเสียเวล่ำเวลาไปกับการเล่นเกม เล่นการพนัน เป็นบ้าเป็นหลังกับการเอาชนะคู่แข่ง คู่ต่อสู้

ความต้องการเอาชนะ ถ้าเรารู้จักควบคุมมันให้พอดี มันก็มีประโยชน์ เจออุปสรรคก็ไม่ยอมแพ้ จะสู้ แต่ถ้าเราควบคุมไม่ดี มันทำให้เกิดอุปสรรคทั้งการปฏิบัติและในความสัมพันธ์กับผู้อื่น มันก็เป็นตัวเดียวกับความต้องการอวดว่า กูเก่ง กูแน่ มีอะไรก็อยากจะอวด อยากจะโชว์   แต่ถ้าเจอคู่แข่ง ก็ต้องการเอาชนะ ยอมไม่ได้ เวลามีการโต้เถียงกันก็ไม่ยอมแพ้ เอาชนะให้ได้ เสร็จแล้วก็ถึงขั้นเลิก พ่อแม่ตัดลูก ผัวกับเมียทะเลาะกัน ก็เลิกรากัน เพราะว่าความต้องการเอาชนะ มันก็นำไปสู่ความบาดหมางกันในที่สุด ฉะนั้น คุมมันให้ดี รู้ทันมันให้ได้ ไม่งั้นมันพาชีวิตจิตใจของเรานี้จมดิ่งไปสู่ความทุกข์เลย 

Duration: 00:28:21
25680904pm--เลือกไม่ถูก ชีวิตทุกข์ยาก
Nov 25, 2025

4 ก.ย. 68 - เลือกไม่ถูก ชีวิตทุกข์ยาก : คนเราถ้าไม่มีสติ มันก็จะเลือกไปในทางต่ำ หรือเลือกไปข้างความสุขอย่างหยาบๆ ได้ แม้กระทั่งสิ่งที่ทำความทุกข์ให้กับเรา เราก็เลือกที่จะไปจดจ่อมัน ทั้งๆ ที่อีกทางหนึ่งมันให้ความสุขกับเรามากกว่า การที่มีสติสำคัญมาก ช่วยทำให้เราเลือกในสิ่งที่ถูก สิ่งที่เป็นคุณกับเรา ผู้ใฝ่ธรรมจะต้องมีโจทย์ให้ต้องเลือกอยู่เสมอ เรียกว่าทุกวันก็ว่าได้

โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับความทุกข์ เช่น เจ็บป่วย เจ็บป่วยนี่จะเลือกเอาจมอยู่กับความทุกข์ ทุกขเวทนา เป็นผู้ทุกข์ หรือเลือกที่จะเห็นความทุกข์ ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเป็นผู้ทุกข์ แทนที่จะเห็นความทุกข์ ถ้าเราเลือกที่จะเห็นความทุกข์ มันก็ทุกข์แต่กาย ใจไม่ทุกข์ แต่พอไปเลือกเป็นผู้ทุกข์ เป็นผู้ป่วย มันป่วยทั้งกายป่วยทั้งใจเลย เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ถูก เลือกไม่ถูกนี่โดนความทุกข์มันกินไปเลย 

Duration: 00:28:53
25680903pm--มองตนจนพ้นอำนาจของกิเลส
Nov 24, 2025

3 ก.ย. 68 - มองตนจนพ้นอำนาจของกิเลส : ถึงเวลามีสิ่งล่อเร้าเย้ายวน หรือมีสิ่งยั่วยุ เราจะไม่เผลอตกอยู่ในอำนาจของมัน ทำสิ่งที่ต้องเสียใจในภายหลัง หรือทำสิ่งที่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ฉะนั้นการเห็นนี่สำคัญ เห็น รู้ทัน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อต้องหมั่นมองตนบ่อยๆ มองตนจนเป็นนิสัย จนกระทั่งมันมีเสียงเตือนเวลาใจกระเพื่อม ไม่ใช่ว่าต้องมองจิตอยู่ตลอดเวลา เราอาจจะทำงานทำการต่าง ๆ แต่พอใจมันสั่นไหว ใจมันกระเพื่อม ก็รู้เลย

เหมือนกับแมงมุม เวลามีเหยื่อมาติดใยมัน มันรู้เลย เพราะใยมันสะเทือน ไม่ใช่ว่ามันต้องคอยจ้องใย มันไม่จ้องใยนะ มันก็ทำอะไรของมันไปเรื่อย ๆ แต่พอมีเหยื่อมาติดที่ใยของมัน มันจะรู้เอง เพราะมีแรงสั่นสะเทือน ใจเราก็เหมือนกัน ถ้าใจเรามีกิเลส มีอารมณ์เกิดขึ้น มันจะกระเพื่อมขึ้นมาเลย และเราก็จะรู้ ตัวที่ทำให้รู้กระเพื่อมก็คือสตินั่นแหละ เหมือนกับเป็นสัญญาณเตือน ต้องรู้จัก แล้วก็ทำให้สติชนิดนี้เกิดขึ้นในใจเรา 

Duration: 00:28:43
25680902pm--รู้ทันเหตุผลของกิเลส
Nov 23, 2025

2 ก.ย. 68 - รู้ทันเหตุผลของกิเลส : อย่าลืมว่าพอเมื่อเรามีธรรมะ เมื่อเรารู้ธรรมะเยอะ กิเลสมันก็รู้ธรรมะด้วย คนจบปริญญาเอก กิเลสมันก็จบปริญญาเอกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกิเลสมันก็สามารถจะหลอกพวกปริญญาเอกได้ด้วยเหตุผลที่สวยหรู คนรู้ธรรมะก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเรารู้คนเดียว กิเลสมันก็รู้ด้วย แล้วมันก็จะเอาธรรมะนี้มาหลอกเรา อ้างธรรมะสวยหรู เพื่อที่จะหลอกให้เราทำตาม

เพราะฉะนั้นคนมีธรรมะรู้ธรรมะ ไม่ได้เป็นหลักประกันเลยว่าจะรอดพ้นอำนาจของกิเลส หรือบ่วงมารได้ มันต้องมีสติ มันต้องมีปัญญา ต้องมีธรรมะที่เป็นกุศลคอยหน่วงเหนี่ยวจิตใจ หรือทักท้วงความคิด ทักท้วงเหตุผล เพราะไปเชื่อเหตุผลทุกอย่างไม่ได้   คนที่ทำชั่ว มีกิ๊ก มีเมียน้อย พวกนี้มีเหตุผลทั้งนั้นแหละ แต่เหตุผลมันไม่ใช่เหตุผลที่จะพาเราไปสู่ความเจริญงอกงามได้ หรือพาเราไปสู่ทางที่สูง มันมีแต่ฉุดเราไปสู่ทางที่ต่ำ ต้องมีสติรู้ทัน ทักท้วงความคิด ไม่หลงเชื่อมัน นอกเหนือจากการที่รู้จักเฝ้าดูอยู่ห่างๆ อยู่เฉยๆ ดูอารมณ์ที่มันเกิดขึ้น ต้องฝึกเอาไว้นะ ฝึกการดูอารมณ์ที่เกิดขึ้น ดูความคิดที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่ไปหลงใหล หลงเชื่อมัน เรียกว่ารู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ รวมทั้งรู้ทันความคิด รู้ทันอารมณ์ ไม่ว่ามันจะมีเหตุผลสวยหรูอย่างไร ก็เท่าทันมันเสมอ 

Duration: 00:27:08
25680901pm--มองจากมุมของคนอื่นบ้าง
Nov 22, 2025

1 ก.ย. 68 - มองจากมุมของคนอื่นบ้าง : การที่คนเรารู้จักมองเหตุการณ์จากมุมของคนอื่นบ้าง มันช่วยได้เยอะ ช่วยบรรเทาความโกรธ ความเกลียด ไม่ว่าเกลียดคนอื่นหรือเกลียดตัวเอง มนุษย์เรามีความสามารถในการที่จะมองจากมุมของคนอื่นได้

แต่บ่อยครั้งพอเราจากมุมของตัว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มันก็เลยทำให้เราไม่สามารถจะเข้าใจคนอื่นได้ แล้วพอไม่เข้าใจก็เลยเกิดความโกรธ ความเกลียด บางทีก็ไม่ได้โกรธเกลียดใคร โกรธเกลียดตัวเอง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เรารักเขาทำกับเราอย่างนั้น   คนเราถ้ามันจมอยู่กับมุมมองความคิดของตัวเอง หรือจมอยู่กับอารมณ์ มันก็ไม่สามารถจะเห็นมุมมองของคนอื่นได้ แล้วพอเราไม่เห็นมุมมองของคนอื่นเราก็ไม่เข้าใจเขา ก็ทำให้เกิดความโกรธความเกลียดขึ้นมา คือความไม่เข้าใจ ที่จริงถ้าหากว่าคนเรามีสติ มันก็จะช่วยทำให้ใจเรามันไม่ถูกครอบด้วยอารมณ์ 

Duration: 00:30:43
25680831pm--เจออะไรอย่าลืมดูใจตน
Nov 09, 2025

31 ส.ค. 68 - เจออะไรอย่าลืมดูใจตน : ธรรมะนี่มันอยู่ตรงนี้ อยู่ที่ว่า เมื่อเราเจออะไรกระทบแล้ว เรารักษาใจของเราได้มากแค่ไหน เราสามารถจะจัดการกับอารมณ์ใฝ่ต่ำได้ดีเพียงใด อย่างที่มาเดียเขาบอก

แล้วที่สำคัญคือ เขายังมีความเมตตากับคนที่ทำร้ายเขา ยังกลัวว่าเขาจะไม่มีที่ยืนในสังคม นี่เป็นแบบอย่างที่ดีมาก ที่แม้กระทั่งนักปฏิบัติธรรมก็ต้องเรียนรู้ แล้วก็ฝึกจากเหตุการณ์แบบนี้ 

Duration: 00:28:57
25680830pm--ถอนใจออกจากความหลงในตัวกู
Nov 08, 2025

30 ส.ค. 68 - ถอนใจออกจากความหลงในตัวกู : เบื้องหลังความอยากก็คือ ความสำคัญหมายในตัวกู อยากพูด อยากแสดงความคิดเพื่อให้คนชมว่า กูเก่ง กูเก่ง ในเบื้องหลังความอยาก ที่อยากจะพูด อยากจะแสดงความคิดเห็นก็คือ ตัวกู หรือความสำคัญหมายในตัวกู ความยึดมั่นในตัวกู ซึ่งจะว่าไปก็คือ มานะ ก็เป็นกิเลสชนิดหนึ่ง​ ฉะนั้นการปฏิบัติ เริ่มต้นด้วยการรู้กาย เห็นกาย ต่อไปก็จะเห็นใจ เห็นความคิด ต่อไปก็จะเห็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังความคิดและอารมณ์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกิเลส โลภะบ้าง โทสะบ้าง

ต่อไปก็จะเห็นลึก ว่าเบื้องหลังโลภะ โทสะ ก็คือความยึดมั่นในตัวกู หรือมานะ ฉะนั้น ถ้าเห็นแบบนี้ มันก็จะเริ่มรู้เท่าทันแล้ว รู้เท่าทันตัวกู หรือความยึดมั่นในตัวกู ไม่ปล่อยให้มันมาครองใจ แต่ก่อนไม่รู้ทัน มันก็เลยมาครองใจ เหมือนกับเราไม่รู้ทัน ไปปรุงแต่งว่ามีผี พอไปเชื่อว่ามีผีเข้า ก็ทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ทั้งที่ไม่มีอะไรเลยข้างนอก   การปรุงแต่ง การจินตนาการ ก็ทำให้มีผลต่อจิตใจและร่างกายของเราได้ แต่พอเรามีสติรู้ทัน ความปรุงแต่งหายไป จิตใจก็โปร่งโล่ง ให้ปฏิบัติแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วเดี๋ยวมันก็จะเห็นเอง จนกระทั่งเห็นความจริงที่ลึกไปกว่านั้น ก็คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 

Duration: 00:27:27
25680829pm--อดกลั้นได้ใจงอกงาม
Nov 07, 2025

29 ส.ค. 68 - อดกลั้นได้ใจงอกงาม : แต่ว่าการอั้นความคิดอารมณ์กับการอั้นอุจจาระปัสสาวะนี่ มันต่างกันอย่างหนึ่ง ที่สำคัญก็คือว่า เวลาอั้นอุจจาระปัสสาวะมันต้องระบายออกมา ต้องระบายเร็ว ๆ ด้วย แต่ว่าอั้นความคิด อั้นอารมณ์ แม้บางครั้งใหม่ ๆ มันรู้สึกเหมือนอกจะแตกแต่ว่าถ้าเรามีสติเห็นมัน ดูมัน มันก็จะค่อย ๆ คลี่คลายไปได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะต้องระบายเหมือนกับระบายปัสสาวะอุจจาระในยามที่ต้องอั้นนาน ๆ อุจจาระปัสสาวะนี่มันต้องระบาย แต่ว่าความคิดอารมณ์แม้ในภาวะแรก ๆ รู้สึกว่าต้องอั้น ต้องใช้ความอดกลั้น แต่พอเวลาผ่านไป มันค่อย ๆ หายไป ค่อย ๆ คลี่คลาย ละลายหายไป หรือยิ่งถ้าเกิดว่าเรามีท่าทีที่ถูกต้องกับมัน เราก็ดูมันเฉย ๆ มันจะหายไปเอง อาจจะไม่ต้องระบายเลยก็ได้

แต่คนใหม่ ๆ ก็ต้องระบาย คนที่ไม่ได้ฝึกมาก็ต้องระบาย แต่ถ้าระบายเป็นอาจิณ ไม่รู้จักอดกลั้นเสียบ้าง มันก็มีผลเสียต่อตัวเราเองอย่างที่ว่ามา ฉะนั้นการรู้จักอดกลั้นมันเป็นเรื่องสำคัญมากแต่ต้องอดกลั้นให้ถูก ใหม่ ๆ ก็ต้องใช้ขันติ อดกลั้นเอาไว้ โกรธแล้วไม่พูด เพราะรู้ว่าถ้าพูดไปแล้วมันจะเกิดความเสียหายตามมา อยากจะนินทาว่าร้ายใครแต่ก็ไม่พูด เพราะรู้ว่าถ้านินทาไปแล้ว เดี๋ยวเกิดปัญหาตามมาเมื่ออีกฝ่ายก็ได้ยิน เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน เราก็ไม่พูด   แน่นอนว่าใหม่ ๆ มันก็ต้องใช้ความอดกลั้นมาก อาจจะรู้สึกเหมือนกับอกจะแตก แต่พอเราทำไปนาน ๆ ไม่ใช่แค่ฝึกขันติอย่างเดียวแต่ว่าเราฝึกสติไปด้วย เราจะเห็นความคิดเห็นอารมณ์ที่มันเกิดขึ้น เห็นแล้วจะเรียกว่าปล่อยหรือวาง มันจะเกิดสิ่งที่หลวงพ่อเรียกว่า มันจะเกิดความราบเรียบขึ้นมา สติเหมือนกับตัวไถให้ราบเรียบ สิ่งที่เคยอัดแน่นอยู่ในใจมันก็ค่อย ๆ คลี่คลายหายไป ก็โปร่งโล่ง   และนี่เป็นวิธีที่เราต้องฝึกเหมือนกัน ความรู้จักอดทนรอคอย และอดกลั้นต่อความอยาก ไม่ว่าจะเป็นความอยากชนิดใดก็ตาม อยากรู้อยากเห็น อยากได้คำตอบ อยากเสพ อยากบริโภค อยากพูด อยากบ่น อยากโวยวาย อันนี้มันเป็นเรื่องที่เราต้องฝึก เพราะถ้าหากว่าคนเรามีความคิดอยากจะพูดก็พูด มีความคิดอยากจะโวยวายก็โวยวาย อยากจะได้อะไรก็ไปหาสิ่งนั้นมาสนองความอยาก เราจะไม่มีความเจริญเติบโตงอกงามภายในเลย สุดท้ายเราก็พ่ายแพ้ต่อกิเลสได้ง่าย และคนเราถ้าหากว่าพ่ายแพ้ต่อกิเลสแล้ว มันก็มีแต่ความทุกข์สถานเดียว 

Duration: 00:27:32
25680828pm--เปิดลิ้นชักใจให้เป็น
Nov 06, 2025

28 ส.ค. 68 - เปิดลิ้นชักใจให้เป็น : คนที่ทำงาน แค่งานเช้า งานบ่ายวันนี้ ก็เยอะอยู่แล้ว ยังต้องไปนึกถึงงานเช้าบ่ายของวันพรุ่งนี้ มีตั้ง 10 ชิ้น ถ้าเรานึกถึงงานทั้ง 10 ชิ้น มันก็เหมือนกับเปิดทั้ง 10 ลิ้นชัก ใจมันห่อเหี่ยวเลย แม้ว่าเราจะมี 40 ลิ้นชัก 40 เรื่องที่ต้องครุ่นคิด แต่ถ้าเราเปิดทีละลิ้นชัก เสร็จลิ้นชักนี้ก็เปิดลิ้นชักนั้น เสร็จลิ้นชักนี้ก็ปิด เปิดลิ้นชักใหม่ อะไร ๆ มันก็จะง่ายขึ้น นี่ก็เป็นเรื่องการฝึกใจให้อยู่กับปัจจุบัน

แล้วถ้าเราทำอย่างนี้เป็นนิสัย ถึงเวลานอน นอน ถึงเวลากิน กิน เรื่องอื่นวางไว้ก่อน ถึงเวลาอาบน้ำ ใจราก็อยู่กับการอาบน้ำ ถึงเวลาฟังธรรม ใจก็อยู่กับการฟังธรรม ถึงเวลาสวดมนต์ ใจก็อยู่กับการสวดมนต์ ชีวิตมันจะเป็นระเบียบ แล้วมันจะโปร่งโล่งเบาสบาย การซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง ด้วยการคิดหลาย ๆ เรื่องพร้อมกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลาจะคิด ไม่ใช่เวลาจะขบแก้ปัญหา มันก็จะเกิดขึ้นน้อยลง   เดี๋ยวนี้เราคิดแต่จะทำบ้านให้เป็นระเบียบ แต่เราไม่สนใจที่จะทำใจเราให้เป็นระเบียบ การฝึกสตินี่มันช่วยทำให้ใจเป็นระเบียบมากขึ้น ยังไม่ต้องพูดถึงการพ้นทุกข์ ยังไม่ต้องพูดถึงการที่เข้าถึงโลกุตรธรรม แค่เรื่องที่เป็นโลกิยธรรมพื้น ๆ เช่น เรื่องงานเรื่องการ เรื่องการใช้ชีวิต ถ้าเรารู้จักทำอะไรทีละอย่าง คิดทีละเรื่อง เปิดทีละลิ้นชัก ชีวิตมันจะเบา มันจะสบายกว่าเดิมมาก บ่อยครั้ง ความวุ่นวาย ความเครียด มันเกิดจากใจของเราเอง ไม่ใช่เพราะเรามีงานเยอะ ไม่ใช่เพราะเรามีภาระมาก แต่เป็นเพราะเราจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่เป็นต่างหาก 

Duration: 00:28:39
25680827pm--มองเขาแล้วกลับมามองตน
Nov 05, 2025

27 ส.ค. 68 - มองเขาแล้วกลับมามองตน : แต่ว่าเราก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่า สิ่งที่ราได้ยิน สิ่งที่เรา รับรู้มา มันอาจจะไม่ใช่ความจริง เผื่อใจไว้ว่าความจริงอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เราได้รับรู้มาก็ได้ พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ให้เราระแวงทุกอย่างที่เราได้ยิน เพียงแต่ให้ระวังเอาไว้ว่า สิ่งที่ได้ยินมา สิ่งที่เห็น สิ่งที่ปรากฏกับสายตาของเรา อาจจะไม่ใช่ความจริง 100% เผื่อใจไว้บ้าง เผื่อใจสำหรับความผิดหวัง

อันนี้เรียกว่าระวัง แต่อย่าถึงกับระแวง เพราะถ้าระแวง มันก็จะเรียกว่า ไม่เชื่ออะไรเลย ตั้งคำถามกับทุกอย่าง ซึ่งมันก็เกินไป ระวังดีแล้ว แต่อย่าระแวง แล้วที่สำคัญคือ ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ตัวบุคคลที่เราได้ยินมา ได้เห็นมา เป็นข่าวปรากฏ จะย่ำแย่อย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องกลับมาดูตัวเรา อย่าไปมองแต่คนอื่น อย่าไปตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ ทำไมเขาแย่แบบนี้ ทำไมเขาหลอกเราแบบนี้   ต้องกลับมาถามตัวเองว่า แล้วทำอย่างไรเราจึงจะไม่เป็นอย่างเขา นี่คือคำถามที่หลายคนมองข้ามไป ไม่ได้กลับมาดูตัวเองเลยว่า เราจะดูแลรักษาตัวอย่างไรไม่ให้เป็นอย่างเขา ต้องเอาคนที่เขาพลาดพลั้งมาเป็นครูสอนเรา แล้วคนเหล่านี้ก็เป็นครูให้กับเราได้ว่า ทำอย่างไรเราจะไม่เป็นอย่างเขา หรือไม่ไปเดินตามเขา เพราะถ้าเมื่อไหร่เราไม่ระวัง เราอาจจะแย่กว่าเขาก็ได้ ถ้าเรามีโอกาส ที่เราไม่แย่อย่างเขา เพราะเรายังไม่มีโอกาส อาจจะยังไม่มีเงินมีทองมาก ยังไม่มีฐานะ ตำแหน่งสูงเหมือนเขา ยังไม่ได้สมณศักดิ์เหมือนเขา   อันนี้ก็รวมไปถึงเวลาเราได้ข่าวคราวเกี่ยวกับนักการเมือง ข้าราชการชั้นสูงที่ทุจริตคอร์รัปชัน ก่อนที่เราจะไปวิจารณ์หรือประณามเขา ต้องกลับมาถามตัวเองว่า ถ้าเราเป็นอย่างเขา เราจะดูแลตัวเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่องได้อย่างไร หรือว่าให้อยู่ในศีลในธรรมได้อย่างไร อยู่ในความถูกต้องได้อย่างไร เพราะถ้าเราอยู่ในฐานะเดียวกับเขา เราก็อาจจะเป็นอย่างเขา หรือแย่ยิ่งกว่าเขาก็ได้ แต่ที่เรายังไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเรายังไม่มีโอกาส เราแค่ไม่มีโอกาสเท่านั้นแหละ ถ้ามีโอกาสแบบเขา อยู่ในสถานะเดียวกับเขา เราก็อาจจะไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไหร่ก็ได้ อันนี้คือสิ่งที่ต้องระวัง 

Duration: 00:29:15
25680826pm--ป่วยกาย แต่ใจไม่ทุกข์
Nov 04, 2025

26 ส.ค. 68 - ป่วยกาย แต่ใจไม่ทุกข์ : แล้วถ้าเห็นด้วยความรู้สึกตัว มันก็จะค่อย ๆ ราบเรียบหายไป เวลาป่วยแล้ว ปรากฏว่าป่วยทั้งกายทุกข์ทั้งใจ ถ้ายอมรับได้ว่า เรายังปฏิบัติมาไม่มากพอ ยังมีความหงุดหงิดหัวเสีย ยังมีความทุรนทุรายในใจ เห็นความทุรนทุรายนั้นด้วยใจที่เป็นกลาง มันก็จะไม่มีธนูดอกที่ 3 เข้ามาทิ่มแทง

แล้วถ้าเกิดว่าดูไปเรื่อย ๆ สุดท้าย ธนูดอกที่ 2 ก็จะหลุด ก็จะมีแต่ธนูดอกแรก แต่ถึงแม้ธนูดอกที่ 2 ยังอยู่ก็ยอมรับมันด้วยใจที่เป็นกลาง อย่างน้อยก็ทำให้ไม่ต้องเจอธนูดอกที่ 3 มาทิ่มแทง การปฏิบัติธรรมนี้ แม้เราจะรู้ว่า การตายอย่างสงบเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แม้เราจะรู้ว่าความทุกข์ทรมานในยามเจ็บป่วย เกิดขึ้นได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ แต่ถ้าเกิดว่าเราทำตรงนั้นไม่ได้ ไปไม่ถึง ก็ยอมรับได้ ไม่โวยวาย ไม่ตีโพยตีพาย ไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง 

Duration: 00:30:42
25680825pm--ความไม่รู้ที่ควรรู้
Nov 03, 2025

25 ส.ค. 68 - ความไม่รู้ที่ควรรู้ : เราก็ต้องรู้จักแยกแยะให้ได้ว่า อะไรที่ควรรู้ อะไรที่ไม่ควรรู้ แล้วก็ไม่ควรเสียใจว่าเราไม่รู้อะไรเลย หรือไม่รู้อะไรมากมาย หรือกระหยิ่มยิ้มย่องว่าฉันรู้เยอะ มันไม่มีประโยชน์ถ้าสิ่งที่เรารู้นั้นมันเป็นขยะ ไม่มีประโยชน์

แล้วที่จริง อันนี้ก็คือวิสัยของบัณฑิต ปราชญ์ที่แท้ไม่ใช่เขารู้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เขารู้มากมาย ปราชญ์ที่แท้คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร ซึ่งอันนี้ต่างจากเจ้าหญิง เจ้าหญิงนั้นไม่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้อะไร แต่ปราชญ์ที่แท้เขา รู้ว่าเขาไม่รู้อะไร แล้วยิ่งรู้เยอะ เขาก็จะรู้ว่า โอ้โห สิ่งที่เขาไม่รู้นี้มีเยอะมาก ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก็พบว่าความรู้ที่ตัวเองมีมันแค่ 10% หรือไม่ถึง 10% แล้วอีก 90% หรือ 99% คือ ตัวเองไม่รู้​ พรมแดนแห่งความไม่รู้นี้ มันจะกว้างใหญ่ไพศาลมากสำหรับคนที่มีความรู้มาก พูดง่าย ๆ คือ ยิ่งรู้เยอะ ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรมาก   อย่างที่นักปราชญ์แห่งเต๋า เล่าจื๊อ บอกว่า ผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดไม่รู้ ผู้รู้ไม่พูด เพราะรู้ว่าตัวเองนี้ไม่รู้อะไรมากมาย ก็เลยรู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไร ความไม่รู้ทำให้ตัวเองถ่อมตัว จึงไม่อยากโอ้อวด ไม่อยากสอน ส่วนคนที่ไม่รู้ก็คิดว่าตัวเองรู้เยอะแล้ว ก็เลยอยากจะพูด อยากจะสอน ดังภาษิตโคลงโลกนิติว่า   รู้น้อยว่ามากรู้     เริงใจ กลกบเกิดอยู่ใน    สระจ้อย ไป่เห็นชเลไกล    กลางสมุทร ชมว่าน้ำบ่อน้อย    มากล้ำลึกเหลือ   กบนี่มันรู้น้อย แต่มันคิดว่ามันรู้มาก เห็นบ่อน้ำ ก็นึกว่าเป็นทะเลกว้างใหญ่ เพราะมันไม่เคยเห็นทะเล ถ้ามันเคยเห็นทะเล มันจะรู้ว่าบ่อที่มันอยู่นี้ เล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับทะเล แต่เพราะมันคิดว่ามันรู้มาก   ฉะนั้นที่เล่าจื๊อพูดถูกแล้ว ผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดไม่รู้ จะว่าไปแล้วคำตอบที่ตอบยากที่สุด คือคำตอบว่าไม่รู้ หลายคนจะพบว่าตอบคำว่าไม่รู้ นี่ยากมาก โดยเฉพาะครู หมอ พระ นักวิชาการ จะตอบยากมากหรือไม่ตอบเลยว่าไม่รู้ เพราะถ้าตอบแล้วเดี๋ยวคนเขาจะหาว่าเราไม่มีความรู้มากพอ เจ้าหญิงนิ่งอึ้งแทนที่จะตอบว่าไม่รู้ ก็เพราะกลัวว่าตอบไปแล้ว จะเสียภาพลักษณ์ความฉลาด 

Duration: 00:30:12
25680824pm--ธรรมนำใจให้พ้นทุกข์
Nov 02, 2025

24 ส.ค. 68 - ธรรมนำใจให้พ้นทุกข์ : เมื่อไม่ยึดติดถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ ไม่ยึดว่ามันเที่ยง ไม่ยึดว่ามันเป็นสุข ไม่ยึดว่ามันเป็นของเรา ครั้นมันเสื่อมสลายหายไป ไม่เป็นดั่งใจ ก็ไม่ทุกข์ เพราะทุกข์เกิดขึ้น เนื่องจากมีความยึดติดถือมั่น พอมันไม่เป็นไปอย่างที่ยึดอย่างที่อยาก ก็เลยทุกข์ มันทุกข์เพราะความยึดความอยาก แต่พอไม่มีความยึดไม่มีความอยาก เพราะเห็นความจริงว่าไม่มีอะไรที่ยึดติดถือมั่นได้ ความทุกข์ใจก็ไม่เกิดขึ้น

ความสูญเสียยังมีอยู่ แต่ความทุกข์ใจไม่มีแล้ว อันนี้ก็คือสิ่งที่เราจะประสบได้ ถ้าหากเราตระหนักว่า ความทุกข์ใจนี่มันไม่ใช่เพราะสิ่งอื่น เหตุแห่งทุกข์มันอยู่ที่ใจเราแล้วถ้าเราดูแลรักษาใจให้ดี หรือฝึกใจให้ดี จนกระทั่งเหตุแห่งทุกข์มันตั้งอยู่ไม่ได้ ความทุกข์ก็ไม่อาจเกิดขึ้นกับจิตใจของเราได้ อาจจะเกิดขึ้นกับกาย เกิดขึ้นกับทรัพย์ เกิดขึ้นกับคนที่เราเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์ได้ 

Duration: 00:31:23
25680823pm--เห็นนอกเห็นใน ใจปกติ
Oct 19, 2025

23 ส.ค. 68 - เห็นนอกเห็นใน ใจปกติ : ถ้าเรากลับไปที่บ้าน เวลาทำอะไร ขณะที่ใช้ตา ใช้หู ขณะที่กำลังเคี้ยว ขณะที่กำลังขับรถ ขณะที่กำลังเดิน อย่าเห็นแต่ข้างนอก ให้เห็นข้างใน เห็นใจ เห็นอารมณ์ เห็นความคิดที่เกิดขึ้น ซึ่งอันนี้เป็นงานของสติ เพราะสติเปรียบเหมือนตาใน แล้วก็อย่าไปเผลอ ขณะที่เราดูกายหนึ่งดูใจ ก็อย่าไปจ้อง ไปเพ่ง หรือบังคับจิต เพื่อจะไม่ให้มันไปไหน เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราก็จะเห็นแต่ข้างใน แต่ไม่เห็นภายนอก

บางคนทำผิด ๆ ถูก ๆ แต่งตัวลืมรูดซิป เพราะว่าขณะที่ใส่เสื้อ ใส่กางเกง ก็เอาแต่เพ่งดูข้างในใจว่าจิตมันกระเพื่อม จิตมันคิดอะไรไหม จนกระทั่งลืมไปว่าไม่ได้รูดซิป อันนี้เรียกว่าเป็นเพราะการเพ่ง เพ่งเข้าใน จนกระทั่งไม่รับรู้สิ่งที่กำลังเกี่ยวข้อง สิ่งนอกตัวที่กำลังเกี่ยวข้องอยู่ ก็เลยทำผิด ๆ ถูก ๆ   ถ้าเรา รู้นอกหนึ่งรู้ใน ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ สติเราก็จะโตไว เวลามีความคิดที่ไม่ได้รับเชิญเกิดขึ้น ความลักคิดเกิดขึ้น โผล่มาตอนกลางคืนขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ เห็นมันก็ไม่ไหลไปตามมัน มันมาแล้วก็ไป ไม่ได้ทำให้เราพัวพันกับมันจนตื่น จนนอนไม่หลับ พอมันมาแล้วก็ไป เราก็หลับได้ในที่สุด ไม่ใช่ว่าไม่มีความคิดเลย มันมี เหมือนกับมีแขกแปลกหน้ามาเรียกแต่ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่าเรามีสติเป็นเครื่องรักษาใจ

Duration: 00:28:48
25680823am--เห็นให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์
Oct 18, 2025

23 ส.ค. 68 - เห็นให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์ : คำว่า “เห็น” มันมีความสำคัญมาก เห็นข้างใน ไม่ว่าจะเป็นความคิดอารมณ์ โดยเฉพาะตัวทุกข์ อารมณ์ทุกข์ที่เกิดขึ้น เห็นแล้วไม่ยึด เห็นแล้วไม่ผลักไส ไม่กดข่ม ใจก็จะพ้นทุกข์ได้ เห็นข้างนอกก็เช่นกัน ผู้คน สิ่งของ เห็นว่ามันเป็นตัวทุกข์ แม้มันจะทำความพอใจให้กับเรา แต่มันก็เป็นตัวทุกข์ที่ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ ถ้าเราเห็นอย่างนั้นก็จะพ้นทุกข์ได้ เห็นข้างในด้วยสติ ทีแรกก็เห็นข้างนอกด้วยปัญญา ก็ช่วยทำให้เราพ้นทุกข์ได้ในที่สุด

ฉะนั้นเราที่เป็นลูกศิษย์ของท่าน ก็อย่าคิดแต่ว่าได้ใกล้ท่านแล้วใจจะสงบเย็น เพราะนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเรามีสติ มีความรู้สึกตัว มีความสามารถในการเห็น เห็นโดยไม่เข้าไปเป็น แล้วก็เห็นทั้งข้างนอกและข้างใน รวมทั้งเห็นทุกข์ที่มันปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ทุกข์ในใจ แล้วก็ตัวทุกข์ข้างนอก เราก็จะพ้นทุกข์ได้ในที่สุด ก็ขอให้เราได้นำคำสอนของหลวงพ่อไปปฏิบัติ และเชื่อแน่ว่าถ้าเราเห็นอย่างที่หลวงพ่อได้สอน เราก็จะพ้นทุกข์ได้ในที่สุด 

Duration: 00:36:29
25680818pm--รักตัวต้องฝึกใจ
Oct 17, 2025

18 ส.ค. 68 - รักตัวต้องฝึกใจ : การเจริญสติสำคัญมาก ถ้าจิตของเราไม่มีสติ หรือไม่รู้จักฝึกฝนให้มีสติ เราก็แย่ ร่ำรวยแค่ไหน อายุยืนเพียงใด แต่สุดท้ายลงเอ่ยด้วยความทุกข์ กลัดกลุ้ม เศร้าโศกเสียใจ เวลาเจอสิ่งที่ไม่สมหวัง เวลาเจอความพรากสูญเสียจากคนรัก ของรัก เวลาเจอความเจ็บป่วย ถึงแม้ว่าจะไม่สนใจศาสนา แต่ถ้ารักตัว รักชีวิต ก็ควรจะใส่ใจกับเรื่องการฝึกจิตเอาไว้ มันมีประโยชน์ที่คุ้มค่ามาก แม้ว่าใหม่ ๆ จะทำไม่ได้ง่าย แต่ต่อไปจะให้ผลคุ้มค่า 

Duration: 00:27:52
25680814pm--อย่าเพลินในสุข อย่าปลื้มในโชค
Oct 16, 2025

14 ส.ค. 68 - อย่าเพลินในสุข อย่าปลื้มในโชค : เวลาเรามีความสุข ไม่ว่าสุขเพราะอะไรก็ตาม โดยเฉพาะสุขจากการเสพ หรือสุขจากการที่ประสบอิฏฐารมณ์ ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเอาไว้ อย่าเพลินในสุข มันมีก็ดีแล้ว แต่อย่าเพลิน อย่าหลงใหลกับมัน พอถึงเวลาที่มันเสื่อมไป ก็จะคร่ำครวญ โวยวาย หรือจมในทุกข์ นี่ต้องหมั่นเตือนใจอยู่เสมอ

ฝึกใจให้มีสติเอาไว้ ให้มีสติรู้เท่าทัน เวลาเจอสิ่งที่ถูกใจ บางคนเก็บอาการไม่อยู่นะ โอ๊ย ดีใจ พูดจาคุยโม้ อารมณ์ดี อันนี้เรียกว่าเก็บอาการไม่อยู่ เพราะว่าเพลินในสุข แล้วก็ไม่รู้ตัวนะว่า เก็บอาการไม่อยู่ บางทีคุยจ้อเลย รู้จักเฉลียวใจบ้างว่า นี่เรากำลังดีใจ เห็นความดีใจอย่างที่เด็กคนนั้นว่า แล้วถึงเวลาที่ความเสียใจเกิดขึ้น มันก็ทำอะไรจิตใจเราไม่ได้ เพราะเราเห็นมันซะก่อน 

Duration: 00:28:28
25680813pm--หมั่นสร้างเหตุ แต่อย่ายึดผล
Oct 15, 2025

13 ส.ค. 68 - หมั่นสร้างเหตุ แต่อย่ายึดผล : เราทำได้คือการสร้างเหตุสร้างปัจจัย แต่ผลมันไม่อยู่ในอำนาจของเรา เราต้องแยกให้ถูก เราสามารถสร้างเหตุสร้างปัจจัยได้ แต่ผลไม่อยู่ในอำนาจของเรา แล้วเราก็ต้องสร้างเหตุสร้างปัจจัยไปเรื่อย ๆ ด้วย ซึ่งต่างจากคนที่เชื่อในเรื่องของโชควาสนา หรือว่าการดลบันดาลของเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนที่เชื่อแบบนั้นไม่สนใจสร้างเหตุปัจจัยเลย ก็เอาแต่การอธิษฐาน ขอร้องทวยเทพ จะสร้างเหตุสร้างปัจจัยก็ไม่ทำ

แต่การสร้างเหตุปัจจัยก็ต้องระวัง ว่าเราทำได้แค่นั้น คือ สร้างเหตุสร้างปัจจัย แต่ผลไม่อยู่ในอำนาจของเรา หน้าที่ของเราคือสร้างเหตุสร้างปัจจัยให้มันดี เข้าใจเหตุปัจจัยว่า อะไรจะก่อให้เกิดผลอย่างที่ต้องการ แต่ทำแล้วมันก็อาจจะไม่เกิดผลอย่างที่ต้องการก็ได้ เพราะเหตุปัจจัยไม่ถึงพร้อม ซึ่งอันนี้เป็นทางสายกลาง​ ทางสายกลางระหว่างความเชื่อว่า ทุกอย่างควบคุมได้ กับความเชื่อว่าทุกอย่างเป็นความบังเอิญ แล้วแต่โชคชะตา แล้วแต่พรหมลิขิต แล้วแต่การดลบันดาล   ชาวพุทธเรามีความเห็นที่อยู่ตรงกลาง ที่ว่าทางสายกลาง คือ ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องของโชคชะตา ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะทำอะไรได้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้คิดว่า ทุกอย่างเราควบคุมได้หมด สิ่งที่เราทำได้คือสร้างเหตุสร้างปัจจัย แต่ผลเราควบคุมไม่ได้ เพราะถึงที่สุดแล้ว เหตุปัจจัยเราก็ไม่สามารถจะควบคุมทั้งหมดได้เหมือนกัน อันนี้เราก็ต้องระวังในมายาภาพ หรือความหลงที่ว่าเราควบคุมอะไรได้หากว่ามันออกมาจากมือไม้ของเรา ออกมาจากการเลือกของเรา อย่างนี้มันเป็นความหลงแบบหนึ่ง 

Duration: 00:28:49
25680812pm--เป็นพุทธอย่าลืมธรรม
Oct 14, 2025

12 ส.ค. 68 - เป็นพุทธอย่าลืมธรรม : เพราะอย่างนี้สิ่งสำคัญต้องย้ำก็คือว่า ธรรมะแสดงออกที่คำพูดและการกระทำ และแน่นอนว่าต้องมาจากธรรมะในใจด้วยและนี่ก็เป็นเหตุผลที่คนสมัยก่อนแม้จะนับถือพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เรียกตัวว่าเป็นชาวพุทธ หรือพุทธศาสนิกชน แต่เรียกตัวเองว่าเป็นธรรมจารี ธรรมวิหารี เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับธรรมะมากกว่ายี่ห้อ หรือภาษาสมัยใหม่เรียกว่าอัตลักษณ์

ต้องระวัง รักศาสนาแต่ว่าลืมธรรมะ อันนี้อันตรายมาก แล้วก็เป็นบาดแผล เป็นจุดอ่อนของศาสนาจำนวนมากที่ติดในยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นคริสต์ อิสลาม แต่ว่าย่อหย่อนในธรรม พวกเราจะต้องไม่ไปหลงยึดติดในยี่ห้อ อย่าไปสำคัญมั่นหมายในความเป็นพุทธ แต่ให้ความสำคัญกับธรรมะที่เราปฏิบัติ อันนี้จะสำคัญกว่า 

Duration: 00:29:37
25680811pm--ทำดีทำไมในเมื่อไม่มีตัวกู
Oct 13, 2025

11 ส.ค. 68 - ทำดีทำไมในเมื่อไม่มีตัวกู : คำถามที่ว่า ในเมื่อไม่มีตัวกูแล้วปฏิบัติธรรมไปทำไม คำตอบมันก็ชัดอยู่แล้วว่า ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมถึงเวลาความทุกข์เกิดขึ้น มันก็จะมีความรู้สึกว่า กูทุกข์ ๆ อยู่ เพราะความสำคัญมั่นหมายว่ากูยังมีอยู่ ความสำคัญมั่นหมายเกิดจากการที่ยังมีอวิชชาครอบงำใจ

เช่นเดียวกันกับในเมื่อไม่มีตัวกู แล้วทำไมเราไม่ควรกินเหล้า สูบบุหรี่ เพราะอะไร เพราะว่าถ้ากินเหล้าเยอะ ๆ สูบบุหรี่มาก ๆ พอเกิดความเจ็บความป่วยขึ้นมา จะรู้ว่ามีตัวกูหรือไม่มันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเกิดความเจ็บป่วยกับร่างกาย เกิดมะเร็ง มะเร็งปอด มะเร็งตับ ตับแข็ง และตราบใดที่ยังไม่มีการเจริญสติ ไม่มีปัญญา มันก็ยังมีความสำคัญมั่นหมายว่า กู มี กู อยู่ 

Duration: 00:28:44
25680810pm--เจออะไรใจก็นิ่งได้
Aug 28, 2025

10 ส.ค. 68 - เจออะไรใจก็นิ่งได้ : ความสุขที่แท้ คือจิตที่สงบ ที่ประกอบไปด้วยธรรม แม้ปัญญายังไม่มีมากพอ หมายความว่า พอเจอสิ่งที่ถูกใจก็เกิดความยินดี สิ่งเย้ายวนก็เกิดความเพลิดเพลิน พอเจอสิ่งที่ยั่วยุก็ทำให้เกิดความโกรธ สิ่งที่ไม่ถูกใจก็เกิดความหงุดหงิด ความหวั่นวิตก

แต่ถ้ามีสติมันก็จะช่วยรักษาใจได้ อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ความอยาก ความกลัว ความโกรธมีขึ้นในใจ แต่ก็มีสติรักษาใจไม่ให้มันครอบงำ หรืออาจจะเผลอปล่อยใจจมเข้าไปในอารมณ์เหล่านั้น ก็มีสติดึงจิตออกมาจากอารมณ์เหล่านั้นได้ สุดท้ายมันจะเกิดความสงบขึ้นมา   อันนี้จะว่าไปแล้วมันคือจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา ในมงคลสูตร 4 ข้อสุดท้ายนี้ก็เป็นเรื่องนี้แหละ จิตของผู้ใดอันโลกธรรมถูกต้องแล้ว ไม่หวั่นไหว ไร้ธุลีกิเลส เป็นจิตเกษมศานต์ ไม่โศกเศร้า นี้เป็นมงคลอันสูงสุด   ถ้าคนเราถือว่านี่เป็นจุดมุ่งหมาย ก็ต้องพยายามไปให้ถึง แต่ถ้าเราไม่คิดว่านี่คือสิ่งที่วัดความก้าวหน้า เราก็ปล่อยใจไปตามอำนาจของสิ่งล่อเร้าเย้ายวน แล้วเราก็คิดว่าใคร ๆ เขาก็ทำกัน ใคร ๆ เขาก็ทำกัน ใคร ๆ เขาก็เป็นกัน คิดแบบนี้ก็ถือว่ามองข้ามศักยภาพที่เรามี เราสามารถจะทำได้มากกว่านั้น หรือเป็นได้มากกว่านั้น   เพราะฉะนั้นถ้าจะถามว่า สิ่งที่จะวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของเราคืออะไร คำตอบง่าย ๆ คือการรู้จักรักษาใจให้นิ่งสงบ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบ หรือไม่ว่าประสบกับอะไรก็ตาม 

Duration: 00:28:53
25680808pm--ยิ่งอยากหนี ก็ยิ่งเจอ
Aug 27, 2025

8 ส.ค. 68 - ยิ่งอยากหนี ก็ยิ่งเจอ : ธรรมดาคนป่วยก็อยากหาย แต่ความอยากหายที่ทำให้ป่วยได้นานขึ้น เพราะว่าพอไม่หายอย่างที่หวังก็เครียด ไม่พอใจ ความเครียดมันก็ทำให้การฟื้นตัวของร่างกาย หรือการหายจากโรคเป็นไปได้ช้าลง ของแบบนี้ถ้าไม่มีสติ มันก็ทำได้ยาก เพราะว่ามันอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความอยากเข้ามาครอบงำ ไม่ว่าจะอยากถูกหวย อยากหายจากโรคภัยไข้เจ็บ อยากหายจากความฟุ้งซ่าน อยากระงับความโกรธ อยากเลิกเหล้า พวกนี้ถ้าวางใจไม่เป็น มันกลับเป็นตัวซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้มากขึ้น มีสติรู้ทันความอยากนะ

ความอยากมันก็ดีพาให้เรามาที่นี่ แต่พอลงมือปฏิบัติก็ต้องวางความอยาก อยากหายโกรธนี่เป็นเรื่องดี แต่ว่าพอพยายามฝึกใจให้มีสติ เพื่อจะรู้ทันความโกรธ ก็วางความอยากลง แล้วถ้าเราสามารถเอาชนะ หรือรู้ทันความอยากได้ รู้ทันความคาดหวังได้ มันก็จะมารบกวนจิตใจเราน้อยลง 

Duration: 00:25:59
25680807pm--ชีวิตที่ต้องมีตัวกวน
Aug 26, 2025

7 ส.ค. 68 - ชีวิตที่ต้องมีตัวกวน : ถ้าจะว่าไปแล้วการที่มีความคิดปรุงขึ้นมา มันก็เป็นตัวป่วนตัวกวนอย่างหนึ่งซึ่งมีประโยชน์ ในการปฏิบัติธรรมเราต้องการตัวกวนตัวป่วน ต่างจากทางโลก ทางโลกพยายามหนี ใครที่คิดหนีสิ่งที่มาปั่นป่วนกวนจิตใจ แสดงว่ายังคิดแบบทางโลกมาก แต่ถ้าคิดแบบทางธรรมแล้ว กลับอยากจะให้มีมากๆ ถ้าไม่มีอาจารย์ ก็ทำหน้าที่เองเป็นตัวป่วนเสียเอง แล้วก็ทำให้ได้บทเรียน

ถึงแม้ไม่มีอาจารย์มาคอยเป็นตัวกวนตัวป่วน แต่ในชีวิตประจำวันเราก็จะมีพวกนี้อยู่แล้ว เรียงหน้าเข้ามาเป็นระยะๆ สิ่งนั้นก็คืออนิฏฐารมณ์ หรือบางทีเราก็เรียกว่าทุกข์นั่นเอง ทุกข์ก็เป็นตัวป่วนตัวกวนที่มีประโยชน์มาก เหมือนกับเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกายแล้วทำให้เรามีภูมิคุ้มกัน บางทีเชื้อโรคไม่มีก็ต้องฉีดยาเข้าไป ยาในที่นี้คือการเอาเชื้อโรคเข้ามาในร่างกายเพื่อไปกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน   นักปฏิบัติธรรมต้องมี ต้องเจอทุกข์ แล้วทุกข์นี้จะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันความทุกข์ ก็คือเกิดปัญญา เกิดสติ หลวงปู่กงมาท่านเคยพูดว่า ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ แต่ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ แต่ก็อย่างที่บอก เราไม่จำเป็นต้องเข้าหาก็ได้ เพราะมันก็มาหาเราอยู่แล้ว แต่บางทีเราต่างหากที่หนีมัน หรือเรียกร้องที่จะไม่ให้มีสิ่งที่เป็นตัวกวนตัวป่วน แต่ถ้าเรายอมรับมันได้ ก็จะทำให้เราเติบโตได้ จนกระทั่งสามารถออกจากทุกข์ หรืออยู่เหนือทุกข์ได้ 

Duration: 00:28:17
25680806pm--แม้ถูกกวนแต่ใจไม่ขุ่น
Aug 25, 2025

6 ส.ค. 68 - แม้ถูกกวนแต่ใจไม่ขุ่น : ที่จริงในชีวิตประจำวันก็มีสิ่งพวกนี้อยู่แล้วที่มากวนเรา ไม่ว่าจะเป็นแมลง อากาศร้อน เสียงดังจากข้างนอก หรือว่าพฤติกรรมที่น่ารำคาญน่าระอาของใครบางคนที่อยู่รอบตัวเรา หลายคนพอเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจก็โวยวายตีโพยตีพาย หารู้ไม่ว่านี่เป็นของดีที่เขามาฝึกใจเรา หนองป่าพงบางทีก็ไม่ค่อยมีสิ่งนี้ หลวงพ่อชาท่านก็เลยทำเสียเองเลย สวดปาฏิโมกข์ก็แกล้งให้สวดผิดสวดถูก ใครที่ภาคภูมิใจว่าสวดเก่ง พอเจอแบบนี้เข้าก็อายขายหน้า แต่ที่จริงแล้วแม้ใครมาแกล้ง แม้สวดไม่ดี ไม่ทุกข์ก็ได้ ถ้าหากไม่ไปหลงใหลเพลิดเพลินในความสำเร็จ

นี่เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกเอาไว้ ทำอะไรก็ตาม ทำเต็มที่แต่ว่าอย่าไปคาดหวังความสำเร็จ มีความสำเร็จก็แค่รู้เฉยๆ ถ้าไม่สำเร็จไม่มีคนชมก็รู้เฉยๆ เราทำดี ไม่มีคนเห็น ก็เฉย ใครชมเรา เราก็เฉย เพราะเรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่เที่ยง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ แล้วจริงๆ เราไม่ต้องรอให้ครูบาอาจารย์มากวนใจเราให้ขุ่น เพราะว่าจริงๆ แล้วมันมีสิ่งต่างๆ ที่จะคอยกวนใจเราอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเราพยายามหลีกพยายามเลี่ยง   แต่ถ้าเกิดว่าเรารู้จักเผชิญกับมันบ้าง แล้วมองว่าเขามาฝึกใจเรา ทำอย่างไรแม้จะมีสิ่งมากวนใจแต่ว่าใจไม่ขุ่นใจ ยังสงบได้ ถ้าทำได้อย่างนี้ถึงเรียกว่าการปฏิบัติธรรมของเราก้าวหน้า แต่ถ้าใจสงบเพราะไม่มีอะไรมากวน พอมีอะไรมากวนเข้า ใจนี่ขุ่นมัวหงุดหงิดหัวเสีย แสดงว่าเรายังต้องฝึกอีก 

Duration: 00:27:47
25680805pm--เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับมองมันอย่างใร
Aug 24, 2025

5 ส.ค. 68 - เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับมองมันอย่างใร : ความทุกข์เป็นสิ่งที่เราทุกคนหลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่าร่ำรวยหรือยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องพบกับความไม่สมหวัง รวมทั้งความพลัดพรากสูญเสีย ดูแลรักษาสุขภาพดีอย่างไร ก็ยังต้องเจ็บป่วย ตั้งใจทำงานเพียงใดก็ยังเจอความล้มเหลว ระมัดระวังเพียงใด ก็ยังต้องเสียทรัพย์ แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างไร ใจเราก็ยังสามารถเป็นปกติ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เพราะความสุขนั้นแท้ที่จริงอยู่ที่ใจ ป่วยกาย แต่ใจไม่ป่วย เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสีย เป็นสิ่งที่เราทำได้ หาเกินความสามารถของเราไม่

ไม่ว่าเจออะไร ย่ำแย่แค่ไหน ก็ยังมีความสุขให้เราสัมผัส หรือพบได้แม้ในท่ามกลางความทุกข์ ดังมีพุทธภาษิตว่า “ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ” ความสุขอย่างหนึ่งที่เราพบได้ในทุกหนแห่งก็คือความสุขที่ใจ ขอเพียงแต่เรารู้จักรักษาใจ หรือหันกลับมาดูแลใจ รวมทั้งคิดให้ถูก มองให้เป็น ก็พบความสุขได้ไม่ยาก 

Duration: 00:29:53
25680804pm--ฝึกใจให้เป็นนายความคิด
Aug 23, 2025

4 ส.ค. 68 - ฝึกใจให้เป็นนายความคิด : คำว่า รู้ มีประโยชน์ แต่ถ้า รู้งี้ ไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่มันมักจะเกิดขึ้นกับคนที่รู้แต่ไม่ทำ เพราะห้ามใจไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่ได้ฝึกใจ และถ้าฝึกใจไว้อยู่เสมอ แม้จะรู้ไม่มากแต่ว่าถ้าฝึกใจเอาไว้ รู้เท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น มันก็ทำให้ชีวิตเลี่ยงทุกข์แล้วก็ประสบสุขได้

แต่รู้มากเพราะใช้ความคิดเยอะ ได้ยินได้ฟังมาเยอะ แต่ว่าไม่ได้ฝึกจิตเลย แล้วบางทีก็รู้ว่าควรจะฝึกแต่ว่ามันก็มีข้ออ้างในการไม่ฝึก ก็มักจะลงเอย จบไม่สวยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นนอกจากการฝึกหรือการรู้จักใช้ความคิดให้มีประโยชน์ รู้จักคุมความคิด ใช้ความคิดเพื่อกระตุ้นให้เกิดความไม่ประมาทในชีวิตแล้วมันต้องฝึกด้วย   ต้องฝึกจิต ฝึกให้มีสติ ฝึกให้มีความรู้สึกตัว ฝึกให้มีปัญญา ซึ่งจะช่วยทำให้ไม่ว่าคิดอะไร ใจก็จะไม่คล้อยตาม แล้วก็ช่วยทำให้กิเลส อวิชชา ครอบงำจิตใจเราน้อยลง และช่วยทำให้รู้จักพาใจไม่ให้ทุกข์ได้แม้จะเจอความทุกข์ คือความเจ็บ ความป่วย ก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย แม้กระทั่งตายก็มีแต่ความตายแต่ไม่มีผู้ตาย ไม่มีผู้ทุกข์ 

Duration: 00:27:09
25680803pm--ทำดีแล้ว ทำใจด้วย
Aug 22, 2025

3 ส.ค. 68 - ทำดีแล้ว ทำใจด้วย : ถ้าหากว่ารู้จักเอาธรรมะพื้น ๆ นั้นมาใช้ นั่นก็คือการวางใจให้เป็น เช่น การให้อภัย การรู้จักมีเมตตากับคนที่เขาสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น อย่าปล่อยให้ใจมันเกิดความโกรธเกลียด เพราะถ้าเรานึกไปถึงชะตากรรมที่เขาต้องประสบในวันข้างหน้าอันเป็นผลจากการทำไม่ดีของเขา มันจะทำให้เรามีแต่ความสงสาร ความโกรธ ความแค้น ก็จะน้อยลง

ยิ่งตระหนัก หรือมีสติระลึกว่า หรือเห็นภัยของความโกรธว่ามันมีแต่จะกัดกร่อนจิตใจเรา ถ้ารักตัวเอง ก็อย่าให้ความโกรธครองใจ ให้มีสติ รู้จักวางมันบ้าง หลายคนเจอปัญหานี้ไปไม่เป็น แม้จะรู้เข้าใจเรื่องอนัตตา เรื่องปรมัตถธรรม แต่มันรู้แค่หัว บางทีรู้ว่าไม่มีตัวกู-ของกู แต่พอเจอปัญหาแบบนี้นี่ก็จมอยู่ในความทุกข์ มันไม่ใช่เรื่องโลกุตตรธรรม มันเป็นเรื่องโลกียธรรม ซึ่งต้องรู้จักเอามาใช้เพื่อแก้ปัญหาชีวิตของตัว แก้ปัญหาจิตใจ   และไม่ใช่แค่ความโกรธเกลียดพี่สาว ความน้อยใจพ่อแม่ก็เหมือนกัน ถ้าวางใจให้เป็น มองให้ถูก มันก็มีแต่ความเข้าอกเข้าใจเขา แล้วก็มันก็มีแต่การรู้จักปล่อย รู้จักวาง เพราะเห็นว่าจริง ๆ แล้วเหตุแห่งทุกข์มันอยู่ที่ใจเรานั่นเอง คาดหวังให้เขาเห็นความดีของเรา คาดหวังว่าเขาควรทำสิ่งที่ถูกต้อง การไปคาดหวังคนอื่นมันมีแต่จะสร้างความทุกข์ เมื่อพบว่าเขาไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด อย่างที่เราคาด แต่เรามาปรับใจของเราดีกว่า วางใจให้ถูก มองให้เป็น มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทุกข์ 

Duration: 00:27:21
25680802pm--เห็นธรรมในทุกสิ่ง
Aug 21, 2025

2 ส.ค. 68 - เห็นธรรมในทุกสิ่ง :  ธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าหมายถึงอะไร หมายถึงทุกสิ่งเลย ทั้งที่เป็นความคิด อารมณ์บวกและลบ รวมทั้งเสียง รูป ที่เกิดขึ้น ถ้าเราเห็นธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้น ๆ อย่างแจ่มแจ้ง ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน แล้วทำเช่นนั้นบ่อย ๆ ก็จะเห็นธรรม

เราจะเห็นธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ ก็เพราะมีสติ เมื่อเห็นธรรมะที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เห็นมันอย่างที่มันเป็น ปัญญาก็เกิด ปัญญา คือ ความเข้าใจความจริงของสรรพสิ่ง ฉะนั้นฝึกเอาไว้ เจออะไร ก็มองเห็นธรรมจากสิ่งนั้น   นักดนตรีอย่างซานตาน่า เขาเห็นทำนองเพลงจากทุกสิ่ง แต่ว่าผู้ใฝ่ธรรมอย่างพวกเรานี้ ต้องหรือควรจะมองเห็นธรรมะจากทุกสิ่งได้ด้วย แล้วเราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง เพราะไม่อย่างนั้นถ้าเราไม่เห็นธรรมจากทุกสิ่ง เราก็จะตกหลุมแห่งความทุกข์ได้ง่าย จะหลุดจากทุกข์ได้ ก็เพราะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรม ถ้าไม่เห็นมัน มันก็ทุกข์สถานเดียว 

Duration: 00:27:22
25680801pm--ผ้าขี้ริ้วสอนธรรม
Aug 20, 2025

1 ส.ค. 68 - ผ้าขี้ริ้วสอนธรรม : ถ้าเรากลับมาดูตัวเองเราก็จะไม่ปล่อยให้กิเลสเหล่านั้น หรือสิ่งที่เป็นอกุศลของคนที่อยู่ข้างนอกหรือคนที่อยู่รายรอบเรา เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เราก็ต้องรู้จักขัดเกลาตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่ายิ่งทำไปตัวเองก็ยิ่งแย่ จิตใจก็ตกต่ำดำมืด แล้วขณะเดียวกันถ้าดูตัวเองมันช่วยทำให้เรารู้จักขัดเกลาตัวเองด้วย ไม่ใช่ขัดเกลาแต่คนอื่น อย่างที่บอกผ้าขี้ริ้วมันทำความสะอาดให้กับทุกอย่าง แต่มันทำตัวมันเองให้สะอาดไม่ได้

เราไม่เหมือนผ้าขี้ริ้ว จิตใจเราสามารถจะขัดเกลาตัวเองได้ ถ้าเรารู้จักฝึกฝน กลับมามองใจอยู่เสมอ เราก็จะเห็นกิเลส เราก็จะรู้เท่าทันกิเลส ไม่ปล่อยให้กิเลสมันมาครองใจ ยิ่งเราขัดเกลาคนอื่นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องกลับมาดูใจเรา อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ไปซึมซับรับเอาความไม่ดีของคนที่อยู่รอบ ๆ เราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของใจเรา   ฉะนั้นการหมั่นมองตนมันก็จะทำให้เกิดทั้งความสุข ช่วยทำให้ความทุกข์จางคลาย และมันช่วยทำให้ความดีหรือกุศลธรรมในจิตใจเราก็ยังดำรงคงอยู่ เพราะไม่อย่างนั้นทั้ง ๆ ที่เราพยายามทำความดี อยากช่วยใครต่อใครมากมาย สอนคนโน้นคนนี้ แต่สุดท้ายเราต้องกลับแย่ลง ขัดเกลาคนอื่นได้มากมาย ถากคนอื่นมากมาย แต่ว่าลืมถากใจตัวเอง อันนี้ต้องระวังมากเลย   อันนี้คือสิ่งที่คนที่ทำความดีทำประโยชน์ต้องระมัดระวัง เห็นผ้าขี้ริ้วแล้วก็เอามาเตือนใจว่า ตอนนี้ใจของเราหรือชีวิตของเราเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วหรือเปล่า เอาผ้าขี้ริ้วมาสอนใจ ก็จะทำให้เราสามารถจะทำประโยชน์ตนควบคู่ไปกับประโยชน์ท่านได้ หรือว่าทำประโยชน์ท่านโดยที่ไม่ได้ทิ้งประโยชน์ตน ขัดเกลาคนอื่นแล้วก็ขัดเกลาตัวเองไปด้วย 

Duration: 00:26:47
25680731pm--ใฝ่สร้าง อย่าใฝ่เสพ
Aug 19, 2025

31 ก.ค. 68 - ใฝ่สร้าง อย่าใฝ่เสพ : ความสงบนี่เราต้องรู้จักสร้างให้เกิดขึ้นมาในใจ อย่าไปหวังพึ่งพาสิ่งแวดล้อม อย่าไปคาดหวังจากคนนั้นคนนี้ อย่าไปคาดหวังจากสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติ แต่พร้อมที่จะเอาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และเกิดขึ้นในใจเรา มาเปลี่ยนให้กลายเป็นความสงบ และไม่ใช่ความสงบอย่างเดียว กลายเป็นความสว่างด้วย จากความสงบกลายเป็นปัญญา

จะทำอย่างนี้ได้มันต้องมีท่าทีแบบผู้ใฝ่สร้าง แต่ถ้ามาวัดด้วยท่าทีของผู้ใฝ่เสพ มันจะไม่มีความสุขเลย เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี่ ไม่เห็นสงบ ไม่เห็นราบรื่น ไม่เห็นเรียบร้อยเลย เพราะว่าพอเจออะไรที่ไม่ถูกใจก็เป็นทุกข์   เหมือนกับคนที่ไปเที่ยวโรงแรม พอเจอเสียงดัง เจอพนักงานไม่เรียบร้อย ก็มีความทุกข์ อันนั้นก็ธรรมดาเพราะเขาไปเที่ยว ไปในฐานะผู้ใฝ่เสพ แต่เรามาวัดเราต้องมาในฐานะผู้ใฝ่สร้าง สร้างคือสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในใจ ไม่ว่ารอบตัวเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม 

Duration: 00:28:53
25680730pm--ค้นพบคุณค่าในตัวเอง
Aug 18, 2025

30 ก.ค. 68 - ค้นพบคุณค่าในตัวเอง : อย่าให้อารมณ์ที่เป็นลบเข้ามารบกวน แล้วก็อย่าไปเติมอารมณ์ลบๆ ให้กับใจด้วยการเสพสิ่งที่ไม่ดี มันอาจจะถูกใจ แต่จริงๆ แล้วมันถูกกิเลสมากกว่า แต่มันทำร้ายจิตใจของเรา สื่อรอบตัว ถ้าเราไม่รู้จักแยกแยะในการเสพ ก็เท่ากับเรากำลังเอายาพิษมาทำลายใจของเรา อันนี้ก็เป็นเรื่องยาก เพราะว่าเดี๋ยวนี้เราแยกไม่ออกระหว่างสิ่งที่ถูกใจกับสิ่งที่ถูกต้อง ถูกใจจริงๆ มันคือถูกกิเลสนั่นเอง ส่วนสิ่งที่ถูกต้องมันไม่ถูกกิเลส แต่ว่ามันเกื้อกูลต่อจิตใจ เกื้อกูลต่อสุขภาพ ต่อความผาสุก เราจะรู้จักแยกแยะได้ก็ต่อเมื่อรู้จักหมั่นเฝ้าดูจิตใจ รับรู้ว่าเวลารับอะไรเข้าไป ใจเป็นอย่างไร

เวลาคิดลบคิดร้ายใจเป็นอย่างไร เวลาคิดบวก ใจเป็นอย่างไร เวลาใจมันแบกทุกข์แบกอารมณ์ ใจเป็นอย่างไร เวลาใจปล่อยวาง มันเป็นอย่างไร เวลาช่วยเหลือคนอื่น ใจมีความสุขไหม แต่เวลาเราคิดแต่จะเอา ใจมันเป็นอย่างไร อาจจะถูกใจกิเลส แต่ลึกๆ เราก็มีความทุกข์   พวกนี้ต้องอาศัยการเฝ้าดูจิตใจ จะเฝ้าดูจิตใจก็ต้องมีเวลากับใจ อย่าปล่อยเวลาให้เพลิดเพลินกับความสนุกสนานชั่วครู่ชั่วคราว เพราะถึงเวลาที่เกิดทุกข์ เกิดความเจ็บป่วย เกิดความพลัดพรากสูญเสีย กิเลสไม่ได้ช่วยเราเลย มีแต่ซ้ำเติมเรา แต่ว่าใจที่ฝึกไว้ดีแล้ว จะช่วยให้ความทุกข์เบาบาง หรือสามารถจะพบสุขท่ามกลางความทุกข์ได้ อย่างที่พุทธเจ้าตรัสว่าผู้มีปัญญาแม้ประสบทุกข์ก็ยังหาสุขพบ 

Duration: 00:28:03
25680729pm--เตรียมการแล้วอย่าลืมเตรียมใจ
Aug 17, 2025

29 ก.ค. 68 - เตรียมการแล้วอย่าลืมเตรียมใจ : ถ้าฝึกจิตเอาไว้อยู่เสมอ เวลามีอะไรที่ไม่พอใจ ไม่ถูกใจมากระทบ ก็นึกถึงพุทโธเอาไว้ เวลาแม่ค้าพูดไม่ถูกหูเรา หรือว่าเอาอาหารที่เราไม่ได้สั่งมาให้ หรือสั่งแล้ว แต่ว่าเขาเอาอาหารที่ไม่ดี ไม่ถูกใจเรา แทนที่จะปล่อยให้ความหงุดหงิดไม่พอใจครองใจ เราก็มีสติรู้ทัน ฝึกจิตรับมือกับความไม่ถูกใจ กับความหงุดหงิดที่มันเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

ถ้าฝึกจนคล่อง ถึงเวลาเจอใครมาต่อว่าด่าทอแรงๆ ซึ่งๆ หน้า สติมันก็มารับหน้าได้ทัน รับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นความโกรธ มันก็แค่เกิดอาการหวั่นไหวใจกระเพื่อม แล้วมันก็ดับไป ไม่กลายเป็นความโกรธจนลืมเนื้อลืมตัว เวลาเราจะทำอะไร การเตรียมการเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็อย่าลืมการเตรียมใจ และไม่มีการเตรียมใจอะไรที่ดีเท่ากับการฝึกใจ อย่าเตรียมแค่คิดเอา หรือนึกเอาจากการฟัง การจินตนาการเท่านั้น แต่ว่าต้องฝึกจากของจริงด้วย ควบคู่กับการฝึกในรูปแบบ 

Duration: 00:30:08
25680728pm--ห้ามทุกข์ไม่ได้ แต่ใจไม่ทุกข์ได้
Aug 16, 2025

28 ก.ค. 68 - ห้ามทุกข์ไม่ได้ แต่ใจไม่ทุกข์ได้ : ถ้ามีสติ รู้ทันความกลัว ความกลัวนั้นก็ทำร้ายจิตใจไม่ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือว่า รู้ทันว่าใจเผลอคิดไป ใจมโนไป จินตนาการไป ฉะนั้นจะพาให้ใจหยุดมโน หยุดจินตนาการ ก็ด้วยการกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ด้วยการตามลมหายใจเข้าออก หรือทำความรู้สึกตัว หรือว่าสวดมนต์ เพื่อใจจะได้ไม่ไปมโน จินตนาการในสิ่งที่น่ากลัว พอใจไม่คิดถึงสิ่งที่น่ากลัว ความกลัวก็หายไป

นี่เรียกว่ารู้ทันความคิด ซึ่งเป็นต้นตอของอารมณ์ ง่ายกว่าการไปรู้ทันอารมณ์ แล้วจะไม่หลงจมเข้าไปในอารมณ์ เช่น ความกลัว การรู้ทันความคิดมันง่ายกว่ารู้ทันอารมณ์ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่คุ้มกันใจไม่ให้ทุกข์ ไม่ให้อารมณ์เหล่านี้มาทำร้ายจิตใจเราได้​ แม้ว่าเราจะห้ามทุกข์ไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ แต่เรารักษาใจไม่ให้ทุกข์ ทำได้ ถ้าเรามีปัญญา หรือว่ามีสติ   แต่ปัญญากับสติ ก็ต้องฝึกต้องสร้างเพราะว่าเป็นของใหม่ ถ้าใช้แต่ความคิด พอเกิดเหตุเข้า เอาไม่อยู่แล้ว ความคิด เหตุผล มันเป็นเรื่องสมอง มันต้องฝึกใจด้วย ฝึกใจให้มีปัญญา ฝึกใจให้มีสติ จึงจะเอาอยู่ได้​ เพราะฉะนั้น ให้เรามั่นใจว่า แม้จะห้ามทุกข์ไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ แต่เราสามารถดูแลรักษาใจไม่ให้ทุกข์ได้ 

Duration: 00:27:43
25680727pm--อย่าหลงสมมุติจนลืมความเป็นมนุษย์
Aug 15, 2025

27 ก.ค. 68 - อย่าหลงสมมุติจนลืมความเป็นมนุษย์ : อันนี้ต้องระวัง เพราะยิ่งมีความโกรธเกลียดเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีความเป็นมนุษย์น้อยลง อย่างเบิ้ม ไม่มีน้ำใจกับเพื่อนเลย มีความเป็นมนุษย์น้อยมาก แต่จะไปว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาถูกปลูกฝังความโกรธเกลียดจากผู้ใหญ่ โดยที่ผู้ใหญ่ก็ไปติดสมมุติไม่ต่างจากเด็กอย่างเบิ้ม หรือเก้าด้วยซ้ำ

ตอนนี้ต้องระวังมาก มันมีการกระตุ้นให้เราโกรธเกลียดกัน เพียงเพราะว่าคนละเชื้อชาติ คนละภาษา เพียงเพราะว่าเกิดคนละฟากของพรมแดน เส้นเขตแดน เท่านั้นก็ทำให้กลายเป็นศัตรูกันได้​ ชาวพุทธเราต้องก้าวไปให้พ้นสมมุติพวกนี้ หรืออย่างน้อยก็รู้จักใช้สมมุติให้เป็นประโยชน์ ไม่ให้ยี่ห้อมันไปกลบความเป็นมนุษย์ ความเป็นเพื่อนของกันและกัน 

Duration: 00:27:21
25680726pm--ทุกข์เพราะความยึดมั่น
Aug 14, 2025

26 ก.ค. 68 - ทุกข์เพราะความยึดมั่น : ความจริงเป็นเรื่องหนึ่ง ไม่สำคัญเท่ากับว่า เรารู้สึกอย่างไร ความรู้สึก หรือความสำคัญมั่นหมาย หรือจินตนาการนี่เอง ที่มันสามารถทำร้ายเราได้ แม้ว่าความจริงจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง​ เพราะฉะนั้น การที่เรามารู้ทันความคิดปรุงแต่งในใจเรานี่ สำคัญมาก แม้เราจะยังไม่เห็นถึงขั้นว่า ไม่มีเรา ไม่มีของเรา แต่อย่างน้อย ก็รู้ทันความคิดปรุงแต่งหรือจินตนาการที่เกิดขึ้น เพราะถ้าไปยึดมั่นถือมั่น เผลอไปหลงเชื่อมัน ความคิดหรือความเชื่อนั้น มันก็สามารถทำร้ายเราได้

ความจริงเป็นอย่างไรนั้นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เราจินตนาการ สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เรามโนนี่ อันนี้สำคัญกว่า มันสามารถจะสร้างความทุกข์ให้กับจิตใจเราได้ แต่ถ้าเรารู้ทันมัน รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา มันเป็นความคิดที่จินตนาการขึ้นมา แล้วเราก็ไม่หลงเชื่อมัน มันก็ไม่สามารถจะยัดเยียดความทุกข์ให้กับเรา ไม่ว่ากายหรือใจได้ 

Duration: 00:28:18
25680725pm--ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์เพราะความคาดหวัง
Aug 13, 2025

25 ก.ค. 68 - ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์เพราะความคาดหวัง : คนเราทุกวันนี้มีความทุกข์มากเพราะความคาดหวัง หรือพูดอีกอย่างก็คือว่า ความจริงมันไม่สอดคล้องกับความคาดหวัง หรือความคาดหวังมันไม่สอดคล้องกับความจริง คนเราทุกวันนี้มีเงินมีทอง มีความสะดวกสบาย อยากจะดูหนังฟังเพลงเมื่อไหร่ก็ได้ อยากจะซื้ออะไรก็มีได้กิน ไม่ต้องออกไปไหน สั่งไลน์สั่งแกร็บมา แต่มีความทุกข์ใจมาก ความทุกข์ใจยิ่งกว่าคนรุ่นก่อน ทำไมในเมื่อมีเงินเยอะ มีความสะดวกสบายมาก แต่มีความทุกข์ใจ

ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามีความคาดหวังสูง ยิ่งมีเงินเยอะ ยิ่งมีความสะดวกสบายมาก ยิ่งเรียนสูง ยิ่งอ่านมากรู้มาก ความตั้งใจหรือความคาดหวังก็สูงขึ้นไปด้วย แล้วพอมันสูงเกินกว่าความจริง หรือความเป็นจริงที่ได้รับที่ประสบ ก็เลยเกิดความทุกข์ 

Duration: 00:27:17
25680724pm--ฝึกใจให้เป็นนายความคิด
Aug 12, 2025

24 ก.ค. 68 - ฝึกใจให้เป็นนายความคิด : คนทุกวันนี้คิดเก่ง แต่ว่าวางความคิดไม่ได้ แล้วคิดเก่งจนกระทั่งไปหลงสำคัญผิดว่า เราใช้ความคิด แต่ที่จริงความคิดมันใช้เรา มันใช้เราให้คิดๆ ๆ จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน จะนอนแล้วก็ยังคิด ในใจเราก็บอกขอนอนได้แล้ว หยุดคิดได้แล้ว มันบอกมันจะคิดต่อ ต้องคิด เป็นเรื่องสำคัญ เราเป็นพ่อเราก็ต้องห่วงลูก เราเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูก เราเป็นเจ้านายก็ต้องคิดถึงเรื่องงานการ มันหาข้ออ้าง มันมีสาเหตุ มันมีข้ออ้างที่จะคิด แล้วเราก็หลงเชื่อมันก็เลยคิดไป สุดท้ายนอนไม่หลับ สุดท้ายมันก็ปั่นหัวเรา

เราคิดว่าเราเป็นนายความคิด แต่ว่าความคิดนี่มันเป็นนายเรา มันปั่นหัวเรา ให้โกรธ ให้โมโห ให้เศร้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเราไม่รู้ทันความคิด ความคิดมีประโยชน์ แต่เราต้องรู้จักใช้มัน แต่จะใช้มันได้นี่ต้องรู้จักมัน เท่าทันมัน แล้วก็รู้จักทักท้วงมันด้วย ไม่หลงเชื่อมันทุกอย่าง   แต่การที่เราจะรู้ทันความคิดได้ ต้องทำเป็นขั้นตอน ขั้นตอนพื้นฐานคือให้มารู้กายก่อน กายเคลื่อนไหวก็รู้ ที่เรียกว่าเห็นกายเคลื่อนไหว ต่อไปพอรู้กายได้ดีต่อเนื่อง มันก็จะรู้ใจ อันนี้เรียกว่า เห็นกายเคลื่อนไหวรู้ใจคิดนึก เพราะฉะนั้นใหม่ๆ ก็อย่าเพิ่งไปสนใจที่จะไปรู้ทันความคิด แค่รู้กาย รู้สึกว่ากายเคลื่อนไหว เวลาเดิน เวลาสร้างจังหวะ เวลาทำกิจต่างๆ เอาเท่านี้ก่อน แล้วต่อไปมันก็จะเขยิบจากรู้กายเป็นรู้ใจ รู้ทันความคิด รู้ทันอารมณ์ แล้วรู้จักวางได้ 

Duration: 00:26:44
25680723pm--ใช้กายช่วยใจให้มีสติ
Aug 11, 2025

23 ก.ค. 68 - ใช้กายช่วยใจให้มีสติ : การปฏิบัติโดยอาศัยกายนี้สำคัญมาก นอกจากการที่เราอาศัยกายเป็นครูอย่างที่พูดเมื่อวานแล้ว กายยังมีประโยชน์ในการฝึกจิต ไม่ใช่มีประโยชน์แค่ในแง่ที่ว่าพาให้เราเคลื่อนไหวไปมา เดินกลับไปกลับมา ยกมือกลับไปกลับมาเท่านั้นแต่ยังมีประโยชน์อย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง ซึ่งล้วนแต่เป็นไปเพื่อทำให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา

เริ่มตั้งแต่การทำให้ใจมีที่ตั้ง มีบ้าน ไม่ระเหเร่ร่อน ทำให้ใจมีงานทำ แล้วก็ทำให้มีตัวบ่งชี้ว่า ตอนนี้เรารู้สึกตัวอยู่หรือเปล่า รู้กายเมื่อไหร่ก็แสดงว่ารู้สึกตัวเมื่อนั้นไม่ต้องไปคลำหาที่ไหน ความรู้กายจะบอกเรา ต่อไปความรู้กายจะช่วยทำให้ใจที่หลง ใจที่ลอย ใจที่ไหลเข้าไปในความคิด มันกลับมารู้สึกตัว รู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา เป็นตัวช่วยที่สำคัญ   การปฏิบัติ การเจริญสติ สำหรับผู้มาใหม่ต้องอาศัยตัวช่วยเยอะ ตัวช่วยส่วนหนึ่งคือสถานที่ สถานที่ที่ไม่มีเสียงอึกทึก ไม่มีความวุ่นวาย แล้วก็ไม่มีสิ่งที่จะมาแย่งเวลาของเราจารการปฏิบัติ คือให้เราปฏิบัติได้เต็มที่ ไม่ต้องทำงาน มีเวลาให้การปฏิบัติ ไม่มีคนมาชวนคุย มีเวลาอยู่กับตัวเองมากๆ พวกนี้มันเป็นตัวช่วย แล้วตัวช่วยที่สำคัญก็คือกาย   กายที่เอามาใช้เป็นเครื่องฝึกจิต กายที่เอามาเป็นตัวบ่งชี้ว่า เราปฏิบัติได้ก้าวหน้าเพียงไหน แล้วยังเป็นตัวที่ช่วยเตือนสติ หรือสะกิดใจให้กลับมารู้เนื้อรู้ตัว พวกนี้ถ้าเราใช้เป็นมีประโยชน์มาก นี่ไม่ใช่แค่ทำตามรูปแบบ แต่มันมีความหมายของมัน​ ฉะนั้นเรื่องกายกับใจจึงเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ออก การฝึกกาย การใช้กายเพื่อฝึกใจ ใช้ให้เป็น ใจเราก็จะเจริญเติบโต มีสติ มีความรู้สึกตัวได้ไว 

Duration: 00:24:31
25680722pm--ฝึกใจโดยเอากายเป็นครู
Aug 10, 2025

22 ก.ค. 68 - ฝึกใจโดยเอากายเป็นครู : ใครที่ปฏิบัติด้วยความอยาก อยากให้มีสติไว ๆ อยากให้รู้ทันความคิดเร็ว ๆ จะยิ่งมีสติช้า เท่านั้นไม่พอ มีความเครียดด้วย หลายคนทำแล้วเครียด ไม่ใช่เพราะวิธีการผิด แต่เพราะวางใจผิด คือทำด้วยความอยาก อยากเอาชนะความหลง อยากมีสติ อยากได้ความสงบ

ความอยากพวกนี้ ล้วนแต่เป็นอุปสรรคทั้งนั้น จะทำให้ได้ดีต้องทำแบบไม่มีความอยาก ทำเล่น ๆ เหมือนกับเวลาเราเล่นหมากฮอส เราเล่นหมากรุก เราเล่นไพ่ ถ้าเราไม่ได้อยากชนะ บางทีเราเล่นได้ดีแล้วก็เพลินด้วย ดังนั้นการปฏิบัติ หลักก็คือ อย่าทำด้วยความอยาก ทำเล่น ๆ อย่าเพิ่งเอาคุณภาพ เอาปริมาณไว้ก่อน   ทำใหม่ ๆ เอาปริมาณไว้ก่อน เอาปริมาณคือว่า ทำเยอะ ๆ ไว้ก่อน ถ้าเอาคุณภาพจะท้อ เพราะว่ามันหลงแทบจะทั้งวันเลย ทำไปหนึ่งพันครั้ง รู้สึกตัวแค่ครั้งสองครั้ง ถ้าเอาคุณภาพจะท้อมากเลย แต่ถ้าเอาปริมาณ มันไม่ท้อ มันก็ทำไปเรื่อย ๆ อันนี้เป็นหลัก เป็นเคล็ดลับในการปฏิบัติสำหรับผู้ใหม่ คือทำเล่น ๆ ทำโดยไม่อยาก วางความคาดหวังลง ไม่เอาคุณภาพ แต่เอาปริมาณไว้ก่อน 

Duration: 00:27:55
25680719pm--ใจเป็นมิตรเพราะชีวิตมีธรรม
Aug 09, 2025

19 ก.ค. 68 - ใจเป็นมิตรเพราะชีวิตมีธรรม : คนที่เข้าใจเรื่องธรรมะนี้ เขาจะแม้จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย แต่ก็ดูแล แล้วก็ดูแลอย่างถูกต้อง คือไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กระเทือนถึงใจ แม้ทรัพย์จะหาย แม้ร่างกายจะป่วย ทั้ง ๆ ที่ดูแลดีแล้ว แต่มันก็ป่วยแต่กาย เสียแต่ทรัพย์ แต่ใจไม่ป่วย ใจไม่เสีย

นี่แหละธรรมะ สำคัญตรงนี้แหละ ทำให้เราสามารถจะรักตัวเองได้อย่างแท้จริง คือนอกจากไม่ไปหาเรื่องใส่ตัวแล้ว เวลาเจออะไรมากระทบก็ไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง หรือแม้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่มโน ไม่ปรุงแต่ง จนกระทั่งเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ​ ทั้งหมดนี้สรุปง่าย ๆ คือว่า ธรรมะทำให้เรามีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน อย่างแท้จริง และแม้จะไม่มีใครเหลือเลย ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทรงคุณค่ามาก คือการมีมิตรอยู่ในเรือนใจ 

Duration: 00:30:28
25680718pm--ถูกต้องดีกว่าถูกใจ
Aug 08, 2025

18 ก.ค. 68 - ถูกต้องดีกว่าถูกใจ : ต้องรู้จักทำใจเวลาเจอความไม่ถูกต้อง อย่างน้อยก็รักษาใจเอาไว้ อย่าให้ความถูกต้องของคนอื่นกลายเป็นความไม่ถูกใจในตัวเรา หรือทำให้เราพาลทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไป ในนามของการสร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้น มันเป็นบทเรียนสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะสำหรับนักกีฬา แต่เป็นบทเรียนสำคัญของการดำเนินชีวิตในโลก เพราะว่ามันเป็นธรรมดา มันเป็นความจริงที่หนีไม่พ้น เพราะฉะนั้นเรื่องความถูกใจกับความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใฝ่ธรรมหรือผู้ใฝ่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ต้องเข้าใจแล้วปฏิบัติให้ถูก การยึดในความถูกต้องเป็นสิ่งดี แต่บางทีมันก็ไม่ง่าย เพราะใจมันจะไหลไปทางสิ่งที่ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง

แต่แม้เราจะดูแลใจเราให้ดีแล้ว ใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง ก็ต้องระวัง อย่าไปยึดมั่นในความถูกต้องมาก เพราะถ้าเรายึดมั่นในความถูกต้องมาก พอเจอความไม่ถูกต้องมัน มันจะกลายเป็นความไม่ถูกใจขึ้นมาทันที แล้วทำให้ใจเราเผลอ เกิดอาการที่ไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมทั้งการกระทำและคำพูดทีไม่ถูกต้องตามมาด้วย และบางทีมันไม่ถูกต้องยิ่งกว่าสิ่งที่เราเห็นจากคนอื่นได้ซ้ำ 

Duration: 00:31:07
25680717pm--ปราการสองชั้นรักษาใจ
Aug 07, 2025

17 ก.ค. 68 - ปราการสองชั้นรักษาใจ : เราต้องพยายามสร้างปราการชั้นที่สองให้เกิดขึ้น แล้วต่อไปก็พัฒนาไปสู่การสร้างปราการชั้นแรก หมายความว่า พอเจออะไรมากระทบ แต่ใจไม่กระเทือนแล้ว แต่ก่อนใจกระเทือน หมายถึงมีอารมณ์ มีความหวั่นไหว แต่ความหวั่นไหวทำอะไรจิตใจไม่ได้ แต่ตอนหลังเจออะไรมากระทบ แต่ก็ไม่โกรธ ไม่เกิดความยินดียินร้าย จิตใจสงบนิ่งอยู่ได้

แม้ว่ายังมีเสียงดัง แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ชอบ การกระทำคำพูดที่ไม่ถูกใจ พฤติกรรมการกระทำของคนบางคนก็ไม่น่ารัก เห็นแก่ตัว สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่เสมอ ห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์ เพราะว่ามีปัญญา จนกระทั่งไม่มีความทุกข์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความเกลียดเกิดขึ้น หรือถึงปัญญายังอ่อนอยู่ มีความโกรธ มีความเกลียด แต่ความโกรธ ความเกลียดก็ทำอะไรไม่ได้ ยังมีความทุกข์อยู่ แต่ความทุกข์ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรจิตใจไม่ได้เพราะเห็นมัน เพราะมีปราการด่านที่สอง ก็พยายามสร้างเอาไว้นะ เจริญสติกันให้มากๆ มีสติ มีความรู้สึกตัว แล้วมันจะช่วยรักษาใจได้ 

Duration: 00:30:26
25680716pm--จากจริยธรรมสู่สัจธรรม
Aug 06, 2025

16 ก.ค. 68 - จากจริยธรรมสู่สัจธรรม : การที่เราจะเห็นสัจธรรมความจริงนี่ มันก็เห็นได้จากการเห็นธรรมชาติของใจว่ามันไม่ใช่เรา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเผลอ เราขาดสติ ก็ไปยึดความคิด ความหงุดหงิด อารมณ์กลับมาเป็นเรา เราโกรธ เราหงุดหงิด เราเศร้า เราเครียด เราดีใจ เราเสียใจ มันมีเราเป็นเจ้าของอารมณ์ต่างๆ แต่เมื่อเราเจริญสติถึงจุดหนึ่ง มันจะเห็นความคิดและอารมณ์นี้ไม่ใช่เรา มันแค่เกิดขึ้นในใจ อาศัยใจเป็นที่เกิด ตอนนี้แหละที่เราจะรู้แล้วว่า ความคิดไม่ใช่เรา อารมณ์ไม่ใช่เรา

ต่อไปก็จะเห็นความปวดความเมื่อยไม่ใช่เรา แต่ก่อนปวดทีไร เมื่อยทีไร ก็กูปวดกูเมื่อย แต่ตอนหลังเห็นแล้วความปวดก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง ความปวดไม่ใช่เรา ความเมื่อยไม่ใช่เรา แล้วสุดท้ายก็จะเห็นความทุกข์นี่ก็อันหนึ่ง ความทุกข์ไม่ใช่เรา ความทุกข์เกิดขึ้นกับกาย ความทุกข์เกิดขึ้นกับใจ แต่มันก็เป็นทุกข์กาย ถ้าเห็นแค่เป็นความทุกข์กาย ไม่ยึดว่าเป็นเรา ไม่ยึดว่าเป็นเราทุกข์ ใจมันก็ไม่ทุกข์ ส่วนใหญ่ทุกข์กายแล้วใจมันทุกข์ด้วย เพราะไม่ได้มองว่ากายมันทุกข์ แต่มองว่ากูทุกข์ กูปวด กูเมื่อย ใจก็เลยทุกข์ไปด้วย   ตรงนี้แหละที่มันทำให้เราเขยิบเข้าใกล้สัจธรรม เห็นความจริงเห็นสัจธรรมว่าไม่ใช่เรา ตอนหลังก็จะเห็นว่าแม้กระทั่งรูปก็ไม่ใช่ เราร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เรา แต่ก่อนนี่มันเป็นดุ้นเป็นก้อน แต่ตอนหลังก็เห็นว่ารูปไม่ใช่เรา เวลาเดินจงกรมไม่ใช่เราเดิน แต่มันเป็นรูปที่เดิน เวลานั่งไม่ใช่เรานั่ง แต่มันเป็นรูปที่นั่ง แต่ก่อนรูปทำอะไร กายทำอะไร ก็ไปเหมาว่ากูทำๆ หมด กูนั่ง กูเดิน กูโกรธ กูคิด แต่ตอนหลังนี่ไม่ใช่แล้ว มันเห็นว่าเป็นรูปที่นั่ง เป็นนามที่คิด   อันนี้แหละที่หลวงพ่อคำเขียนท่านใช้คำว่าถลุง แต่ก่อนก้อนแร่มันเป็นก้อน แต่พอถลุงมันก็แยกออกมาเป็นดีบุกบ้าง เป็นทังสเตนบ้าง แต่ก่อนเราเห็นตัวเราเป็นก้อนๆ เรียกว่ากู แต่พอปฏิบัติไปๆ มันเห็นเป็นรูปเป็นนาม คือแยกก้อนนี้ออกมาเป็นรูปและนาม ที่เขาเรียกแยกรูปแยกนาม จริงๆ แล้วคือว่าแยกเป็นรูป แยกเป็นนาม หรือว่าเห็นเป็นรูป เห็นเป็นนาม มันไม่มีตัวกูแล้ว   แต่ก่อนเห็นเป็นก้อนๆ ก้อนนี้คือกู แต่พอปฏิบัติธรรมเจริญสติไป มันเห็นความจริงแล้วว่าไม่มีตัวกู มันมีแต่รูปกับนาม ก้อนที่เรียกว่ากูนี่ มันแยกออกมาเป็นรูปกับนาม นี่ที่หลวงพ่อคำเขียนท่านใช้คำว่าถลุง ถลุงนี่ใช้กับก้อนแร่ ถลุงให้มันแยกออกมาเป็นแร่ชนิดต่างๆ แต่ก้อนที่เรียกว่ากูนี่ มันแยกออกมาได้แค่ 2 คือรูปกับนาม ตรงนี้แหละที่เราเริ่มเห็นสัจธรรมแล้ว เห็นสัจธรรมความจริงว่ามันไม่มีกู มันมีแต่รูปกับนาม มีแต่กายกับใจ ก่อนหน้านั้นก็เห็นว่ามันไม่มีกูที่เดิน มันมีแต่รูปที่เดิน มันไม่ใช่กูที่ปวด ไม่ใช่กูที่โกรธ แต่เป็นความโกรธ ความปวดที่เกิดขึ้นกับใจ เกิดขึ้นกับกาย   พยายามปฏิบัติให้เห็นตรงนี้แหละ จากจริยธรรม ฝึกจิต มันก็จะพัฒนาไปสู่การเห็นสัจธรรมความจริงของกายและใจ และถ้าทำไม่ถึงตรงนี้ ได้แต่ความสงบ มันยังไม่พอ มันต้องเกิดความสว่าง คือเห็นความจริงของกายและใจ ว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีกูเป็นเจ้าของรูป ไม่มีกูเป็นเจ้าของนาม เพราะมันไม่มีกูตั้งแต่ต้นแล้ว ฉะนั้นการเจริญสติ เป็นการเชื่อมระหว่างจริยธรรมกับสัจธรรม แต่ถ้าหากว่าทำไปไม่ถึงสัจธรรม ก็แสดงว่ายังทำได้ไม่ครบถ้วน ก็ต้องทำต่อไป 

Duration: 00:30:16
25680715pm--ทุกข์พาไปพบธรรม
Aug 05, 2025

15 ก.ค. 68 - ทุกข์พาไปพบธรรม : ความทุกข์มีประโยชน์ สามารถที่จะทำให้เกิดศรัทธาได้ โดยเฉพาะเวลาเจอทุกข์ที่เงินทอง ชื่อเสียง อะไรต่ออะไรแก้ไขไม่ได้ บรรเทาไม่ได้ แต่ทำให้คนเกิดศรัทธาในพระธรรม เพราะว่าเป็นทางรอดทางเดียวแน่นอน ทุกข์สำหรับบางคนมันพาให้เข้าหาอบายได้ คนที่มีความทุกข์เศร้าโศกก็ไปหาเหล้า ไปหายาเสพติด แต่ว่าทุกข์ก็สามารถทำให้เกิดศรัทธาได้ โดยเฉพาะเมื่อพบว่าหนทางทางโลกไม่สามารถจะบรรเทาทุกข์ได้เลย มันมีแต่จะซ้ำเติมให้หนักขึ้น ถึงตอนนั้นแหละก็จะพบว่าธรรมะช่วยได้ เกิดศรัทธาขึ้นมา

แล้วพอได้สัมผัสกับธรรมก็จะเกิดปราโมทย์ ปราโมทย์คือความเบิกบานใจ นำไปสู่ปิติ อิ่มเอิบใจ นำไปสู่ปัสสัทธิ ความผ่อนคลายกายและใจ และเกิดสุขขึ้นมา ทุกข์สามารถผ่านไปให้เกิดสุขได้ผ่านศรัทธา ปราโมทย์ ปิติ ปัสสัทธิ ดังนั้นจะว่าไปทุกข์ก็เป็นของดี แต่ทั้งหมดนี้มันต้องเริ่มต้นจากศรัทธาในธรรม แล้วทุกข์สามารถจะพาให้เราเข้าหาธรรมได้ หรือว่าจะพาให้เราได้เจอธรรม ธรรมที่ว่านี้คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งจะช่วยทำให้ออกจากทุกข์ได้อย่างรวดเร็วเวลาเราเจอทุกข์ มันสามารถจะเป็นของดีที่เกิดขึ้นกับเราได้ ถ้าเรารู้จักมอง หรือใช้ให้เป็น 

Duration: 00:29:58
25680714pm--มองเหตุผิด ชีวิตย่ำแย่
Aug 04, 2025

14 ก.ค. 68 - มองเหตุผิด ชีวิตย่ำแย่ : คนเราถ้าหากว่ามองไม่เห็นเหตุแห่งทุกข์ว่าแท้จริงมันอยู่ที่ใจ มันก็จะโทษคนโน้นคนนี้ แม้กระทั่งโกหกหาเหตุ ขนาดเป็นพระนะ แล้วก็ผู้ที่ถูกฟ้องก็คือพระสารีบุตร เป็นถึงขนาดนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าไม่รู้ทันกิเลสในใจตัว เรื่องนี้สำคัญมาก การที่เราสามารถจะหาเหตุแห่งทุกข์ที่แท้ได้ มันอยู่ที่ใจเรา ไม่ใช่อยู่ที่ภายนอก ทุกข์กายก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าทุกข์ใจ เหตุแห่งทุกข์มันอยู่ที่ใจเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีความทุกข์เมื่อเกิดเสียงดัง เมื่อมีใครมาพูดวิจารณ์ หรือเมื่อมีใครไม่ทักไม่ทาย หรือเมื่อมีคนมองหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ทั้งหมดนี้ไม่ทำให้เราทุกข์ได้เลย ถ้าใจเราเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็คือว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่สนใจ ไม่คาดหวัง แต่เพราะไม่เห็นตรงนี้ ไม่รู้เท่าทันกิเลส มันก็เลยเกิดความทุกข์ขึ้นมา เกิดความทุกข์แล้วยังไปโทษสิ่งนอกตัวอีก

การที่เรารู้ว่าเหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ใจเรานี้ มันสำคัญ เพราะนอกจากทำให้เราแก้ทุกข์ได้ถูกต้องแล้ว ต่อไปเวลาเจอทุกข์ที่มันไม่ได้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย ไม่มีเสียงดังมากระทบ ไม่มีใครมามองหน้า ไม่มีใครมาพูดจาเยาะเย้ย แต่มันเกิดความทุกข์ เพราะร่างกายเกิดแก่ชรา เกิดเจ็บ เกิดป่วย หรือกำลังจะตาย คนที่เขารู้ว่าเหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ใจ เขาจะอยู่กับความแก่ ความเจ็บ ความป่วย ความตายได้ โดยที่ไม่ทุกข์   แต่คนที่ไปมองว่าทุกข์มันอยู่นอกตัว ถึงเวลาที่ไม่รู้จะไปโทษใคร เพราะว่าความแก่ ความเจ็บ ความป่วย มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ มันไม่ต้องมีใครมาทำให้เราแก่ มาทำให้เราป่วยก็ได้ ถ้าไม่รู้ตรงนี้ มันก็จะไม่มีทางที่จะยกจิตให้เหนือทุกข์ได้เลย เพราะไม่คิดที่จะแก้ทุกข์ที่ใจตั้งแต่แรก แต่ถ้ามาฝึกแก้ทุกข์ที่ใจตั้งแต่แรก ต่อไปเวลาเจอทุกข์ เพราะเป็นธรรมดาของสังขาร ความแก่ ความเจ็บ ความป่วย รวมทั้งความพลัดพราก จนกระทั่งความตาย ใจก็ยังเป็นปกติอยู่ได้​ เพราะฉะนั้นเรื่องการเข้าใจเหตุแห่งทุกข์ หรือ สมุทัย นี้สำคัญมาก แล้วกรณีของรติกา มันชี้ให้เห็นเลยว่า ถ้าหากว่ามองเหตุแห่งทุกข์ผิดพลาด ชีวิตนี้ก็ย่ำแย่ แล้วก็กวาดเอาชีวิตของคนอื่นตามไปด้วย 

Duration: 00:30:03
25680712pm--มาวัดเพื่ออะไร
Aug 03, 2025

12 ก.ค. 68 - มาวัดเพื่ออะไร : แต่ถ้าเกิดว่าเรามาฝึกฝนตน มาฝึกสติ มาฝึกทำความรู้สึกตัว รวมทั้งมาสร้างปัญญาให้เกิดความเข้าใจ ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ในสัจธรรมของโลก เวลาเจออนิฏฐารมณ์แบบนี้ เราสามารถที่จะวางใจให้เป็นกลางได้ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่บ่นไม่โวยวาย หรือรักษาใจให้ปกติ ไม่ผลักไส รวมทั้งรู้จักปล่อยวางได้ หากว่ามันเป็นเรื่องราวในอดีตก็ปล่อยมันไป หากว่ามันยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่เอามาคิดคำนึง อันนี้คือการสร้างความสงบให้เกิดขึ้นที่ใจ ไม่ใช่มารอหาความสงบ ซึ่งอาจจะไม่พบก็ได้ เพราะถึงแม้สถานที่สงบแต่ใจว้าวุ่น อย่างไรมันก็ไม่สงบอยู่นั่นเอง แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักสร้างความสงบด้วยการฝึกจิตอย่างที่ว่ามา แม้สิ่งแวดล้อมภายนอกจะวุ่นวาย แม้จะมีสิ่งไม่ถูกใจเกิดขึ้น ใจก็สงบได้ และนี่เป็นผลของการมาฝึกฝนตน

การมาวัดเพื่อฝึกฝนตน ดีกว่าการมาวัดเพื่อหาความสงบเยอะเลย ให้เราเข้าใจตรงนี้ แล้วถ้าเราเข้าใจตรงนี้ ไม่ว่าเราเจออะไร ไม่ว่าในวัดหรือนอกวัด เป็นอารมณ์แบบไหน ก็กลายเป็นของดีทั้งนั้นในการฝึกตน ให้เรามีความชำนิชำนาญในการรับมือกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ อะไรเกิดขึ้นรอบตัว การกระทำคำพูดของใคร ก็ไม่ทำให้ใจหวั่นไหวหรือกระเพื่อมขึ้นมาได้ เพราะว่าเรามีสติ เรามีความรู้สึกตัว ในการที่จะช่วยทำให้จรรโลงใจ ประคองใจให้มีความสงบได้ 

Duration: 00:31:57
25680711pm--ทำไมควรอธิฐานเข้าพรรษา
Aug 02, 2025

11 ก.ค. 68 - ทำไมควรอธิฐานเข้าพรรษา : คือมันเป็นโอกาสนะเข้าพรรษา ถ้าหากว่าเราอยู่กันในวัดมันก็ยิ่งง่ายเพราะว่าใคร ๆ เขาก็ทำ มีสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องอำนวย สิ่งแวดล้อมนี่ไม่ใช่หมายถึงวัด ไม่ใช่หมายถึงสถานที่สงบอย่างเดียว แต่หมายถึงผู้คนที่เขาก็ทำเหมือนเรา มันก็ช่วยน้อมใจเราให้ทำสิ่งที่ตั้งใจหรืออธิษฐานเอาไว้ได้ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้อยู่วัด ต้องกลับไปบ้าน ถ้าอธิษฐานอะไรไว้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จ ก็ต้องมีหมู่คณะช่วยเตือน ช่วยให้กำลังใจ

อย่างที่บอกเมื่อเช้า ก็ประกาศให้เพื่อนรู้ว่า พรรษานี้ ฉันอธิษฐานอย่างนี้ จะงดกาแฟ จะงดใช้โทรศัพท์ หรือว่าจะจำกัดการใช้โทรศัพท์ จะออกกำลังกายทุกวัน วันละ 10 นาที จะนั่งสมาธิ เจริญสติ วันละ 20 นาทีก็ว่าไป ไม่ต้องเยอะ แล้วไม่ต้องมาก เพราะมากแล้วมันทำได้แค่ 2-3 วันแรก หลังจากนั้นก็แผ่ว สู้ตั้งไว้ไม่สูงแต่ทำได้ทุกวัน แต่ถ้ามันง่ายไปก็ทำให้มันยากขึ้นหน่อย เพราะไม่งั้นความเพียรหรือกำลังใจที่เข้มแข็งมันก็จะไม่เกิดขึ้น   อันนี้คือความหมายของการอธิษฐาน ซึ่งมันไม่ควรจะหมายถึงแค่อธิษฐานพรรษา คือการอยู่จำพรรษาที่วัดครบ 3 เดือน แต่รวมถึงอธิษฐานที่จะทำบางสิ่งบางบางอย่างในพรรษาด้วย ไม่ว่าเราจะอยู่วัดหรือว่าอยู่บ้านก็ตาม โอกาสดี ๆ แบบนี้มันมาแค่ปีละครั้ง แล้วครั้งนึงก็ไม่นาน เป็นโอกาสที่จะช่วยให้ความใฝ่ธรรมมีกำลังเหนือกิเลส เพราะว่าคนเราบางทีก็ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อม ต้องอาศัยเวลาในการช่วยกระตุ้นความเพียร หรือให้กำลังแก่ใจที่ใฝ่ธรรมด้วย   ฉะนั้นก็ขอให้เราเข้าใจว่าทำไมการอธิษฐานพรรษาจึงจำเป็น แล้วทำไมเราควรจะนำเอาการอธิษฐานนี้ไปใช้กับชีวิตของเราในพรรษาที่มาถึงแล้ว 

Duration: 00:30:03
25680710pm--บุญกับธรรมนำชีวิตให้พ้นทุกข์
Aug 01, 2025

10 ก.ค. 68 - บุญกับธรรมนำชีวิตให้พ้นทุกข์ : แล้วต่อไป เราต้องพร้อมที่จะออกไปหาหรือเข้าหาสิ่งที่ไม่ถูกใจ เราจะเสพแต่สิ่งที่ถูกใจ จะเจอแต่คนที่ถูกใจเราไม่พอ เราต้องออกไปเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ อย่ารอให้มันมาหาเรา บางทีเราต้องเข้าไปหามัน ไปเจอความยากลำบาก ไปเจอคนที่น่าระอา การกระทำคำพูดของเขาไม่ถูกใจเรา แทนที่จะหนี แทนที่จะหลบ ก็ต้องเดินเข้าหา เพื่อจะได้ศึกษาและฝึกฝนจากการกระทบที่เกิดขึ้น เวลามีความหงุดหงิด ความโมโห เราจะรู้ทันมันได้อย่างไร เราจะทำอย่างไรไม่ให้มันครองใจ

จะอยู่แต่ในที่สบาย ต้องไปในที่ไม่สบายด้วย เจอแดดร้อนเจอฝนตก เพราะว่าชีวิตเราจะเจอแต่สิ่งที่ถูกใจเป็นไปได้ยาก เราต้องเจอกับสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ และพอเราอายุมากขึ้นๆ เราจะเจอความไม่ถูกใจบ่อยมาก เพราะเราพบกับความแก่ชรา พบกับความเจ็บป่วย คนที่แก่ชรา คนที่เจ็บป่วย สิ่งที่ไม่ถูกใจมันมากกว่าสิ่งที่ถูกใจ ไม่เหมือนตอนหนุ่มตอนสาว เราจะมีกำลังวังชาในการแสวงหาสิ่งที่ถูกใจ หาสิ่งที่เอร็ดอร่อย หาความสุข มีแรงหนีสิ่งที่ไม่ถูกใจไปหาสิ่งที่ถูกใจ   แต่พอแก่ตัว มันจะเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเยอะกว่าสิ่งที่ถูกใจ เพราะว่าความไม่ถูกใจมันอยู่กับเนื้อกับตัวเลย ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง มีทุกขเวทนา เคล็ดขัดยอก นอนไม่หลับ กินก็ลำบาก อย่ารอให้แก่ก่อนแล้วค่อยทุกข์ เพราะถึงตอนนั้นทำบุญอย่างไรก็ไม่หายทุกข์หรอก เพราะมันแก่เสียแล้ว เพราะมันป่วยเสียแล้ว แต่ถ้าเรามีธรรมะ เราจะรับมือกับมันได้ อยู่กับความแก่อย่างไรใจไม่ทุกข์ อยู่กับความเจ็บป่วยอย่างไรใจไม่ทุกข์   แล้วจะอยู่ได้อย่างไร ก็เพราะฝึกจากการที่ได้เข้าไปเจอกับความยากลำบาก เจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ ใหม่ๆ อาจจะเป็นความไม่ถูกใจล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องกาย แต่ต่อไปก็ลองไปเจอกับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์กายด้วย แล้วเราก็จะได้เรียนรู้ว่า จะรักษาใจอย่างไร จะทำใจอย่างไรจึงจะไม่ทุกข์  

Duration: 00:41:46
25680709pm--รู้ธรรมต้องนำไปปฎิบัติด้วย
Jul 31, 2025

9 ก.ค. 68 - รู้ธรรมต้องนำไปปฎิบัติด้วย : สิ่งที่ชาวพุทธเราควรจะใส่ใจก็คือการปฏิบัติให้มาก เอาความรู้ที่มี ความรู้ทางธรรม ไม่ว่าจะเป็นไตรลักษณ์ อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท มาปฏิบัติกับชีวิตประจำวันของตัว มาฝึกหัดขัดเกลาให้มีสติ ให้มีความรู้สึกตัว พร้อมที่จะเจอกับการกระทบ ใครมากระทบจิตก็ไม่กระเทือน เพราะว่าเอาธรรมะที่รู้มาปฏิบัติ

การศึกษาธรรมนี่พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับการจับงูนะ หลายคนไม่รู้ นึกว่าอสรพิษหมายถึงเงินอย่างเดียว ที่จริงการศึกษาธรรมหรือธรรมะก็เปรียบเหมือนอสรพิษด้วย ศึกษาธรรมนี่เหมือนกับการจับงู ถ้าจับผิดก็โดนงูกัด ศึกษาธรรมถ้าศึกษาผิดก็เกิดโทษ เช่น ศึกษาธรรมเพื่อลาภสักการะ เพื่อไปอวดคน เพื่อจะได้ข่มคน หรือเพื่อที่จะไปอวดใครต่อใคร เหมือนกับไปจับงู ก็โดนงูกัด เพราะจับงูผิด 

Duration: 00:31:31
25680708pm--ทุกข์เป็นก็ไม่เป็นทุกข์
Jul 30, 2025

8 ก.ค. 68 - ทุกข์เป็นก็ไม่เป็นทุกข์ : ทุกข์เป็น ถ้าอยากทุกข์เป็นก็ต้องรู้จักฝึก ฝึกจากทุกข์นี่แหละ และเวลาอยากจะสุขก็เอาสุขนี้เป็นเครื่องฝึก เราเจอสุขบ่อย ๆ เราก็เอาสุขนี้มาเป็นเครื่องฝึกเพื่อให้สุขเป็น ถ้าไม่ฝึก สุขไม่เป็นเมื่อไหร่ มันก็จะทุกข์ไม่เป็นเมื่อนั้น มันเป็นสิ่งที่ฝึกได้​ เช่นเดียวกันมีให้เป็น ใหม่ ๆ ก็มีไม่เป็น คือมีแล้วยึด พอยึดแล้วมันก็เกิดทุกข์ขึ้นมา เพราะว่าเสีย พลัดพราก มันก็สอนให้เรามีให้เป็น เพราะถ้ามีไม่เป็นธรรมชาติจะลงโทษเรา ทุกข์อยู่เรื่อยไป เพราะว่ามีกับหมดเป็นของคู่กัน ได้กับเสียเป็นของคู่กัน

ถ้าไม่ฝึกมีให้เป็นตั้งแต่วันนี้ ต่อไปก็จะเป็นทุกข์เพราะมีไม่เป็น​ ที่เรามาปฏิบัติธรรมก็เพื่อทำให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นเดิน เริ่มต้นจากการเดินให้เป็น กินเป็น อาบน้ำเป็น ต่อไปก็คิดเป็น ทำงานเป็น ต่อไปก็สุขเป็น ทุกข์เป็น แล้วก็มีเป็น เป็นอะไรก็เป็นให้ถูก เพราะรู้ว่าถ้าไปยึดมั่นในสิ่งที่เป็น มันก็เกิดภพ เกิดชาติ เกิดชรามรณะตามมา   สุดท้ายแล้วก็จะได้เข้าใจว่า ไม่เป็นอะไรกับอะไร มันหมายความว่าอย่างไร​ ไม่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับอะไรเลย ไม่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับสิ่งใดเลย แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เพราะรู้ว่าที่เป็นมันสมมุติ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เป็นคน เป็นนาย ก. เป็นผู้ชาย เป็นคนเก่ง เป็นพระ พวกนี้สมมุติทั้งนั้น เป็นโดยไม่เป็น ตรงนี้แหละที่มันเรียกว่าอยู่เหนือภพชาติ แล้วก็อยู่เหนือชรา มรณะ แล้วก็อยู่เหนือทุกข์โทมนัส เพราะฉะนั้นก็ฝึกเอาไว้ เรามาฝึกใหม่ตั้งแต่สิ่งพื้นฐาน คือเดิน ยืน นั่ง นอน กิน จนกระทั่งมาเป็นสุขหรือทุกข์ เราก็เป็น สุขเป็น ทุกข์เป็น มีเป็น 

Duration: 00:28:46
25680707pm--ดูแลใจอย่าให้ตัวกูครอบงำ
Jul 29, 2025

7 ก.ค. 68 - ดูแลใจอย่าให้ตัวกูครอบงำ : คนเรานี้ทำได้เพื่อชื่อเสียงเพื่อความดัง ทีแรกไปคิดว่าความดันเป็นของกู ชื่อเสียงเป็นของกู ใครมาทำให้ชื่อเสียงด่างพลอยไม่ได้ ใครมาวิจารณ์กูไม่ได้ ต้องโกรธ แต่ตอนหลังเรากลายเป็นของมัน ยอมตายเพื่อมันได้ ถ้าไม่ตายเพื่อมัน ก็ฆ่าคนอื่นตายเพื่อมัน ทำเพื่อให้ได้เป็นซัมบอดี้

นี่ก็เป็นตัวอย่างที่สุดโต่ง แต่ว่าคนทั่วไปถ้าไม่ระวัง มันก็จะเป็นทุกข์ได้ถ้ายอมให้ตัวกูนี้มันครองใจหรือมันผยอง เถลิงอำนาจในใจเรา จะหมดทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรื้อบ้านทั้งหลัง ถอนความยึดมั่นในตัวกู อย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเป็นปฐมภาษิต ไม่มีตัวกูเกิดมาก่อกวนจิตใจ แต่ถ้ายังทำไม่ได้อย่างน้อยก็รู้ทันมัน ไม่ปล่อยให้มันครองใจ   ยังรื้อบ้านไม่ได้อย่างน้อยก็พยายามมุ่งบังให้บ้านแน่นหนา ก็หมายความว่ารักษาใจให้หนักแน่น มีสติมีปัญญาเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้กิเลสหรือความยึด มั่นสำคัญหมายว่าตัวกูนี้มาครอบงำใจ ยังมีอยู่แต่ว่ามันไม่สามารถจะครอบงำใจได้ ก็ช่วยทำให้ทุกข์น้อยลง เวลาใครมาต่อว่าด่าทอก็ไม่คับแค้นเสียใจมาก เวลาสูญเสียเงินทองไป ก็ไม่กลัดกลุ้มกังวล เพราะไม่ได้สำคัญมั่นหมายว่าเป็นของกู ปล่อยวางมันได้   อันนี้เพราะมีสติ แล้วก็เพราะมีปัญญา ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันต้องฝึก ต้องสร้างขึ้นมา ให้เราตระหนักเอาไว้ว่า ตราบใดที่เรายังไม่มีปัญญารื้อบ้านทั้งหลังออกมาได้ อย่างน้อยก็มุงบังบ้านให้มันดี ก็คือ ทำรักษาจิตให้มั่นคงหนักแน่นเอาไว้ ไม่ให้กิเลสอวิชชาเข้ามาครอบงำ หรือถึงครอบงำก็รู้ทัน แล้วก็ปล่อยวางหรือว่ายกจิตออกมาจากอำนาจของมันได้ 

Duration: 00:28:55
25680706pm--มีสัญชาตญาณออกจากความหลง
Jul 28, 2025

6 ก.ค. 68 - มีสัญชาตญาณออกจากความหลง : คนที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคประสาท เขาหลงเป็นวันเลย หรือบางทีก็ถ้าคนธรรมดาก็อาจจะหลงเป็นชั่วโมง แต่ถ้าเราหลงแค่ 4 วินาที แล้วกลับมารู้สึกตัว อารมณ์ความคิดที่เป็นอกุศลจะทำร้ายเราได้น้อยมาก

ฉะนั้นการที่คนเราจะหลงให้สั้นลงนี้ มันทำได้ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของการวิวัฒนาการ แต่เป็นเรื่องของการฝึกฝน จริงอยู่เราไม่สามารถจะตื่นได้ทั้งวัน มันก็มีบางช่วงที่เราหลับ แต่ช่วงที่เราตื่นถ้าเราหลงน้อยลง หลงให้สั้นลง เราก็จะทุกข์น้อยลงด้วย   คนเราถ้าโกรธ โกรธไม่ถึง 4 วินาที แล้วกลับมารู้สึกตัว กลัวก็กลัวแค่ 4 วินาที แล้วกลับมารู้สึกตัว เราจะมีความสุขได้มากเลย จะไม่ให้หลงเลย ทำได้ยากปุถุชนอย่างเรา แต่เราสามารถจะทำให้ความหลงสั้นลงได้  

Duration: 00:27:51
25680705pm--ใช้ชีวิตเพื่อเตรียมจิตให้พร้อมตาย
Jul 27, 2025

5 ก.ค. 68 - ใช้ชีวิตเพื่อเตรียมจิตให้พร้อมตาย : ถ้าประสบการณ์ของเรา มันไม่ใช่เป็นแค่การหาเงินหาทอง ทำมาหากิน การหาความเพลิดเพลินสนุกสนาน แต่ประสบการณ์ส่วนหนึ่งของเรา เป็นประสบการณ์เพื่อการทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล รวมทั้งการฝึกจิตฝึกใจ มันก็จะช่วยตระเตรียม ให้เรามีความพร้อมในการรับมือกับความตายด้วยใจสงบได้ต้องถือว่าเราเกิดมาทั้งชีวิตนี่ ก็เพื่อการเตรียมพร้อม สำหรับการรับมือกับความตาย ในวาระสุดท้ายที่มาถึง

บางคนเข้าใจว่า ชีวิตที่มีอยู่ มีไว้เพื่อความสนุกสนาน เพื่อการเสพสุข ใช้ชีวิตให้เต็มร้อย นั่นเป็นการคิดแบบประมาท ลองเปลี่ยนมาพิจารณาว่า ชีวิตที่่มีทั้งหมดของเรา ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว เป็นโอกาสในการ ตระเตรียมให้พร้อม สำหรับการจากโลกนี้ไปด้วยใจสงบ มันจะทำให้เราไม่ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แล้วเมื่อเวลามานั้นมาถึง เราก็จะพูดได้ว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา มันคือสิ่งที่ตระเตรียมให้เรามีความพร้อม ในการรับมือกับความตายที่กำลังมาถึง 

Duration: 00:28:48
25680704pm--ยกจิตเหนือชอบเหนือชัง
Jul 26, 2025

4 ก.ค. 68 - ยกจิตเหนือชอบเหนือชัง : เราไม่สามารถจะบังคับทุกอย่างให้มันถูกใจเราได้ แต่เราสามารถที่จะยกจิตให้อยู่เหนือสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ เหนือในที่นี้หมายความว่า ไม่ยินดียินร้ายไปกับมัน อันนี้ก็เรียกว่า ถ้าเราเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามสภาวะที่เป็นจริง มันก็เท่ากับว่าเราได้เข้าสู่วิปัสสนาภูมิแล้ว หรือเราก็พยายามใช้การเจริญวิปัสสนา เพื่อมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ให้ฝึกแบบนี้บ้าง อย่าเอาแต่ความสงบ อย่าเลือกหาแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ถูกใจ ให้เรารู้ว่า จริง ๆ แล้ว เป็นเพราะการให้ค่าในทางบวก จึงมีความสุขเมื่อเจอสิ่งนั้น

มันก็ไม่ต่างจากหมาที่แทะกระดูก หมามันเอร็ดอร่อยในการแทะกระดูกโดยที่ไม่รู้เลยว่า ที่จริงแล้วความเอร็ดอร่อยนี่ไม่ได้อยู่ที่กระดูกเลย มันอยู่ที่น้ำลายของมันมากกว่า น้ำลายของมันเองที่ทำให้เกิดความเมามัน เกิดความมันในการกัดกระดูก ไม่ใช่เพราะเนื้อกระดูก เพราะมันไม่มีเนื้อในกระดูกแล้ว แต่ที่อร่อยเพราะน้ำลายของมัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นแล้วเกิดความสุข นี่ก็เพราะการปรุงแต่งให้ค่าในใจเรามากกว่า เพราะสิ่งนั้นที่เราเสพ ที่เรามี มันก็เป็นกลาง ๆ ของมันนั่นเอง 

Duration: 00:29:56
25680703pm--รื้อถอนความเจ็บปวดที่ฝังใจ
Jul 25, 2025

3 ก.ค. 68 - รื้อถอนความเจ็บปวดที่ฝังใจ : ตอนหลัง พอลล่านี้ก็กลับกลายเป็นคนใหม่ ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย เป็นคนไม่น่ารัก เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมา เพราะว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในอดีต มันถูกลบล้างไปหมด อันนี้มันก็ชี้ให้เห็นว่า คนเรามีความสามารถในการลบภาพจำ หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในอดีตได้ คนเรา ถ้าหากว่าไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ มันก็จมอยู่ในความทุกข์ ก็เหมือนกับหมาตัวนั้น มันระแวงคนอย่างไร ก็ระแวงอย่างนั้นมา ทั้งที่มันก็อยากอยู่ใกล้คน แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะว่ามีอะไรบางอย่างฉุดรั้งมันเอาไว้ สิ่งนั้นคือความทรงจำหรือภาพจำในอดีต แต่คนเราทำได้มากกว่านั้น เราเรียนรู้ แล้วเราไม่ได้เรียนรู้แต่ของเดิม เราเรียนรู้ของใหม่ และสิ่งที่เรารู้ใหม่ก็สามารถที่จะลบล้างหรือทับความรู้เดิมได้ ถ้าคนเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เราก็แย่

การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็คือการเห็นความจริงใหม่ แล้วก็สามารถที่จะทับความรู้หรือความเข้าใจเดิม ๆ ได้ แต่ก่อนคิดว่าทุกอย่างเป็นตัวเป็นตน แต่ตอนหลังพบว่า จริง ๆ แล้ว มันไม่มีอะไรที่เป็นตัวเป็นตน ยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเราได้เลย อันนี้เป็นการทับความรู้ หรือความเข้าใจเดิม ๆ จนกระทั่งสามารถเป็นอิสระได้ แต่คนเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเห็นถึงขนาดนั้นก็ได้ เพราะแม้ยังมีความเข้าใจเรื่องตัวเรื่องตนอย่างปุถุชนอยู่ แต่ว่าภาพจำในอดีตที่มันทำให้เจ็บปวด มันก็สามารถที่จะรื้อถอนได้ อยู่ที่ว่าเราจะรู้วิธีหรือเปล่า หรืออยู่ที่ว่าเราจะขวนขวายมากพอหรือเปล่า 

Duration: 00:30:11
25680624pm--ทุกข์หลุดเพราะหยุดปรุงแต่ง
Jul 24, 2025

24 มิ.ย. 68 - ทุกข์หลุดเพราะหยุดปรุงแต่ง : ถ้าเราเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน มีสติมีความรู้สึกตัว มันจะเห็นเลย เหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงมันอยู่ที่ข้างใน ไม่ใช่อยู่ที่ข้างนอก ไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา เรียกรวม ๆ ว่า เป็นเพราะการปรุงแต่ง รวมไปถึงการให้ค่าการปรุงตัวกูขึ้นมาพอเรารู้ตรงนี้แล้ว การที่จะออกจากทุกข์มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก จิตมันสามารถหลุดจากทุกข์ได้ ถ้ามันหยุดปรุงแต่ง หยุดปรุงแต่ง แม้กระทั่งมีความโศกความเศร้าเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ไปยึดว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา มันก็ไม่ทุกข์

แต่เพราะไม่มีความรู้สึกตัว หรือเป็นเพราะว่าไม่ได้รู้ซื่อ ๆ รู้ว่ามี แต่ว่าไปให้ค่าว่าเป็นลบ มันก็เลยทุกข์ รู้ว่ามี แต่ไม่พอเท่านั้น ไปปรุงแต่งว่า ความโกรธเป็นเรา เป็นของเรา เป็นกู เป็นของกู ความปวดเป็นกู เป็นของกู ปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา มันก็ทุกข์ ไม่ใช่แค่ทุกข์กายอย่างเดียว นี่เรียกว่าทุกข์มีเพราะว่าปรุงแต่ง   และแน่นอน ทุกข์มันก็หลุดได้ ถ้าหยุดปรุงแต่ง ต้องทำความเข้าใจเรื่องปรุงแต่งให้ดี ๆ แล้วเราจะเห็นชัดก็ต่อเมื่อเรามีสติ มีความรู้สึกตัว รู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจคิดนึก มันก็จะเห็นการปรุงแต่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ ในชั้นที่ลึกลงไป ลึกลงไป เรื่อย ๆ แล้วก็จะรู้คำตอบ ว่าออกจากทุกข์ได้อย่างไร ก็คือหยุดปรุงแต่ง หยุดปรุงแต่งด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ด้วยการรู้ซื่อ ๆ มันก็ทำให้หยุดปรุงแต่งได้ พอหยุดปรุงแต่ง ทุกข์ก็พลอยหลุดไปด้วย นี่คือสิ่งที่เราควรจะใคร่ครวญ ถ้าหากว่าเราฝึกพาจิตอยู่กับปัจจุบันอยู่เสมอ 

Duration: 00:31:11
25680623pm--ทุกข์เพราะไม่รู้จักอนิจจัง
Jul 23, 2025

23 มิ.ย. 68 - ทุกข์เพราะไม่รู้จักอนิจจัง : ความไม่เที่ยง อนิจจัง ซึ่งมันสอนเราอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น ถ้าเราหมั่นศึกษาตรงนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็จะเป็นการตอกย้ำ ให้เราระลึกถึงความไม่เที่ยง พอเราเอาความไม่เที่ยงขยายไปยังสิ่งต่าง ๆ นอกตัว มันก็ช่วยทำให้เราลดความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง พอลดความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เที่ยง พอความไม่เที่ยงแสดงตัวออกมา มันก็ไม่ทุกข์

แต่ข้อสำคัญคือ ต้องรู้ชัดก่อนว่า ที่เราทุกข์ไม่ใช่เพราะความไม่เที่ยง แต่ทุกข์เพราะไม่รู้จักความไม่เที่ยง เพราะไม่เข้าใจเรื่องกฎอนิจจัง ถ้าเข้าใจแจ่มแจ้ง มันช่วยให้พ้นทุกข์ได้ คนโบราณจึงเรียกว่า พระอนิจจัง เหมือนกับที่เรียกนิพพานว่าพระนิพพาน เป็นของสูงทีเดียว เพราะช่วยทำให้คนพ้นจากทุกข์ได้   ไม่ใช่ว่าพ้นจากความสูญเสีย ความสูญเสียก็ยังมีอยู่ แต่ว่าสูญเสียไปแล้ว ใจก็ไม่ทุกข์ คนรักก็ยังตายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูงมิตรสหาย ลูกหลาน ก็ยังตาย แต่ว่าแม้ตาย ใจก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าเตือนใจตัวเองไว้แล้วว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น หรือว่ายิ่งถ้าเกิดเห็นแจ้งกระจ่างชัดในกฎอนิจจัง มันไม่ต้องย้ำเตือนตัวเอง มันเห็นเอง แล้วก็สามารถที่จะอยู่กับโลกอนิจจังได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ 

Duration: 00:29:55
25680622pm--สิ่งธรรมดาพาใจให้พ้นทุกข์ได้
Jul 22, 2025

22 มิ.ย. 68 - สิ่งธรรมดาพาใจให้พ้นทุกข์ได้ : ในโลกมนุษย์นี่เองที่มันมีทั้งสุขและทุกข์ คนที่เพลินในสุขแล้ววันหนึ่งพบว่าสุขไม่เที่ยง แล้วเกิดความทุกข์ตามมา ตรงนี้ที่จะทำให้ได้เข้าใจว่า จริง ๆ แล้วสังขารทั้งปวง หรือความจริงทั้งหลาย ยึดติดถือมั่นไม่ได้ มีสุขแล้วก็มีทุกข์ และตัวทุกข์นั่นเองที่ทำให้ได้รู้ว่า เหตุแห่งทุกข์จริง ๆ เป็นเพราะความไปยึดติด เกิดจากความหลง คือไม่เข้าใจความจริงว่า

สิ่งทั้งปวงนี้มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ ต้องเจอทุกข์ ถึงจะรู้จักทุกข์ แล้วก็ออกจากทุกข์ได้ อย่างอาจารย์กงมาท่านพูดเลยว่า จะพ้นทุกข์ได้ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าทุกข์เป็นวัตถุดิบอย่างดี ที่จะทำให้เกิดปัญญา จนสามารถจะยกจิตออกจากทุกข์ได้   ถ้าใครกลัวทุกข์ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ ถ้าแสวงหาแต่ความสุขก็จะไม่มีโอกาสที่จะพ้นทุกข์เลย เพราะถ้าตราบใดที่ไม่เจอทุกข์ มันก็ไม่สามารถจะเห็นทางออกจากทุกข์ได้ เพราะยังหลงติดอยู่ในอวิชชา​ เพราะฉะนั้นนิพพานกับวัฏสงสารจึงไม่แยกจากกัน การที่พาตัวเข้ามาอยู่ในวังวนแห่งสุขและทุกข์ตามธรรมดา ซึ่งเป็นธรรมดาของวัฏสงสารนี่เองที่มันจะเป็นวัตถุดิบอย่างดี ในการที่จะทำให้เห็นโทษของทุกข์ รวมทั้งเห็นเหตุแห่งทุกข์ จนพ้นทุกข์ได้ 

Duration: 00:25:10
25680621pm--เวลาผ่านไป อย่าให้ใจตกต่ำ
Jul 21, 2025

21 มิ.ย. 68 - เวลาผ่านไป อย่าให้ใจตกต่ำ : การที่เราเตือนใจตัวเองว่า อย่ามั่นใจในความคิดของตัว แล้วก็อย่ามั่นใจในตัวเอง มันช่วยทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น​ อันนี้คือสิ่งที่ประสบการณ์ชีวิตมันจะสอนเรา ตอนที่เรายังอายุไม่มาก เราผ่านโลกมาน้อย เราก็ไม่มีประสบการณ์ ไม่เห็นความผันแปรของโลก แต่การที่เรามีอายุมากขึ้น มันก็มีข้อดี ทำให้เราได้เห็นความผันแปร ความไม่เที่ยงของโลก ของผู้คน ถ้าอายุมาถึงป่านนี้แล้ว มันไม่มีประสบการณ์แบบนี้ หรือไม่เห็นตรงนี้เลย ก็ถือว่าขาดโอกาส หรือว่าปล่อยให้ประสบการณ์ชีวิตผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

การที่มีอายุมาก อย่างน้อยก็ทำให้เรามีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ก็ทำให้เราต้องไม่ประมาท แต่ว่าหลายคนก็ปล่อยให้ประสบการณ์ชีวิตมันผ่านเลยไป เอาแต่บอกว่าฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแก ฉันผ่านโลกมาก่อนแก แต่ไม่ได้บทเรียนจากประสบการณ์ชีวิตเลย ก็นับว่าน่าเสียดาย สิ่งที่ประสบการณ์ชีวิตมันจะสอนเราก็คือว่า ไม่มีอะไรที่เที่ยง อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้   แล้วขณะเดียวกันก็สอนเราว่า อย่ามั่นใจในความคิดของตัว แล้วก็อย่ามั่นใจในตัวเอง เพราะว่าเผลอเมื่อไหร่ก็พลาดท่าเสียทีเมื่อนั้น โดยเฉพาะในยุคนี้ ซึ่งมันมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนมาก ฉะนั้น การมีสติ ระมัดระวังเฝ้าดูตัวเอง แล้วก็ไม่ปล่อยให้ตกเป็นเหยื่อของกิเลส ซึ่งมักจะมีข้ออ้างที่สวยหรู หลอกล่อ บางทีมันก็บอกเราว่า อีกหน่อย อีกหน่อย อีกนิด ครั้งสุดท้ายแล้ว​ มันฉลาดกว่าเราเสมอ เราจบปริญญาเอก กิเลสก็จบปริญญาเอก เรารู้ธรรมะ กิเลสก็รู้ธรรมะ แต่มันรู้ธรรมะเพื่อที่จะมาหลอกเรา เราก็ต้องระมัดระวังด้วย สติก็สำคัญ แต่ถ้าให้ดีก็ต้องมีศีลมีวินัยช่วยกำกับไว้อีกทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็พลาดท่าเสียทีได้ง่าย ๆ 

Duration: 00:30:41
25680620pm--เห็นความจริงเหนือการปรุงแต่ง
Jul 20, 2025

20 มิ.ย. 68 - เห็นความจริงเหนือการปรุงแต่ง : ถ้าเราเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น ต่อไปก็จะเห็นธรรมชาติ หรือลักษณะของมัน ที่เรียกว่าไตรลักษณ์ หนีไม่พ้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นของดี ถ้าเราเห็นไตรลักษณ์ เพราะทำให้เรารู้ว่า สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่น่าจะยึดเลย การยึดว่าเป็นเราเป็นของเรานี่ มันก็เป็นการปรุงแต่งแบบหนึ่ง เพราะปรุงแล้ว มันมีการปรุงเป็นตัวกูขึ้นมา มีอารมณ์เกิดขึ้น ความดีใจ ความเสียใจ ความโกรธ พอไปยึด ไปสำคัญมั่นหมาย มันก็เกิดมีกูผู้ดีใจ กูผู้เสียใจ

การปรุงแต่งตัวกูขึ้นมานี่ ก็เป็นที่มาของความทุกข์เลย เวลาปวดแทนที่จะเห็นความปวดก็ กูปวด กูปวด เวลามีคนมาต่อว่านินทา ก็ทุกข์ เพราะว่ากูถูกว่า กูถูกนินทา มีตัวกูเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้าคนเราไม่ปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา ปวดก็เป็นเรื่องของกายไป ไม่มีกูผู้ปวดหรือไม่มีใจที่ปวด ใครจะต่อว่าด่าทอก็ ไม่รู้สึกทุกข์อะไร เพราะไม่มีกูผู้ถูกด่า ยิ่งถ้าเกิดเห็นความจริงว่า สิ่งทั้งปวงที่เห็นนี่มันเป็นสมมุติ การปรุงแต่งที่ละเอียดละออ ที่ประณีต ที่ลึกซึ้งมาก คือ การเห็นสิ่งต่าง ๆ โดยที่ไม่ร่วมเป็นสมมุติ ต้นไม้ คน ผู้หญิง ผู้ชาย เสื้อผ้า พวกนี้สมมุติทั้งนั้น เพราะว่าถ้ามองพ้นสมมุติ ก็จะเห็นว่ามันเป็นแค่ธาตุสัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา นี่คือธรรมดาที่เราเห็น โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องสมมุติ แต่พอเราเข้าถึงความจริงระดับปรมัตถ์ มันก็อยู่เหนือสมมุติ มันก็รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น มันเป็นการปรุงแต่งภายใต้การสมมุติขึ้นมา สมมุติว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ซึ่งยากที่จะมองเห็น ถ้าหากว่าไม่เกิดปัญญาชนิดที่เข้าถึงความจริงระดับปรมัตถ์ แต่จะเข้าถึงความจริงระดับปรมัตถ์ได้ ก็ต้องมีสติ จนกระทั่งสามารถจะเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น ไม่ใช่ตามอำนาจของการสมมุติ 

Duration: 00:30:42
25680619pm--เผื่อใจกับความไม่เที่ยง
Jul 19, 2025

19 มิ.ย. 68 - เผื่อใจกับความไม่เที่ยง : ทีนี้เผื่อใจยังไม่พอนะ ก็ต้องคิดว่าถ้าเกิดมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราพร้อมจะทำใจได้แค่ไหน ที่หวังว่าจะสำเร็จมันกลับล้มเหลว เผื่อใจมันก็ช่วยทำให้เราไม่ทุกข์มาก เมื่อมันผิดคาดผิดแผน แต่จะให้ดีก็ต้องฝึกเอาไว้ด้วย ฝึกใจไว้ว่าเมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราจะอยู่กับความจริงที่เกิดขึ้นอย่างไร เราจะตีอกชกหัว หรือเราจะยอมรับ

การฝึกใจแบบนี้มันต้องอาศัยการฝึกจิต การเจริญสติ การทำสมาธิ เพราะไม่อย่างนั้นพอไม่เป็นไปอย่างที่หวังก็จะเสียศูนย์ไปเลย แต่ถ้าเรารู้จักฝึกสติ เจริญสมาธิ เมื่อเจอความผิดหวัง หรือความไม่สมหวัง มันก็จะได้ไม่เสียศูนย์ ยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ เพราะว่าตราบใดที่ยังมีลมหายใจ มันก็ยังมีโอกาส ที่จะทำให้สิ่งที่มุ่งหวัง มันเป็นจริงขึ้นมาได้ หรือถึงมันไม่เป็นจริง มันก็สอนใจเราว่า โลกมันเป็นอย่างนี้เอง   อาจารย์พุทธทาสท่านใช้คำว่า ตถตา เป็นเช่นนั้นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา มันไม่ใช่เป็นความผิดของโลก แต่ถ้าเราทุกข์ มันก็เป็นความผิดของใจเรา ที่ไปยึดติดถือมั่นกับผลที่คาดหวัง ไปยึดติดถือมั่นกับความคาดหวัง ไม่ตระหนักชัดถึงความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะความไม่เที่ยงของใจเรา ที่เรียกว่าอนิจจัง อนิจจังก็เป็นเช่นนั้นเอง ถ้าเราเข้าใจอนิจจังมันก็ไม่ไปยึดติดถือมั่น ทั้งกับความคิดกับความคาดหวัง เมื่อไม่ยึดติดถือมั่นกับผล หรือความไม่คาดหวังว่าผลจะต้องเป็นไปอย่างที่คิด พอมันเกิดขึ้นจริงๆ คือไม่เป็นไปอย่างที่คิด ใจก็ไม่ทุกข์   อันนี้คือสิ่งที่เราต้องฝึกเอาไว้ แค่เตือนใจอย่างเดียวไม่พอนะว่ามันไม่เที่ยง หรือแค่เผื่อใจว่าอะไรๆ อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด มันก็ดีอยู่ แต่มันไม่พอ ต้องฝึกใจเพื่อที่จะยอมรับกับความจริงที่ไม่ถูกใจเราได้ 

Duration: 00:27:27
25680618pm--เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นทั้งวัน
Jul 18, 2025

18 มิ.ย. 68 - เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นทั้งวัน : การที่เราฝึกใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของเรา เป็นบทเรียนที่ดี ถึงแม้อาจจะไม่เจอความสงบตลอด 7 วันที่มาปฏิบัติเลย แต่ว่าได้เรียนรู้ที่จะยอมรับหรือสร้างนิสัยใหม่ที่ยอมรับสิ่งที่ไม่ถูกใจได้ อันนี้เป็นบทเรียนล้ำค่ามาก เพราะความสงบที่เราได้จากการมาปฏิบัติที่วัด พอกลับไปบ้านหรือออกนอกวัด เข้าแก้งคร้อ ความสงบก็กระเจิงแล้วสำหรับหลายคน

แต่นิสัยใหม่ที่ฟูมฟักขึ้นมา คือการรู้จักยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ภายในใจเรา มันจะเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก เพราะถ้าเราต่อยอด ฝึกให้เป็นนิสัย ยอมรับความจริงไม่ว่าที่เกิดขึ้นในใจหรือที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ก็จะทำให้เราพบความสงบในใจได้ไม่ยาก ไม่ใช่สงบเพราะว่าไม่มีความคิด แต่สงบเพราะว่าใจไม่มีอาการต่อต้านผลักไส ไม่มีความหงุดหงิดรำคาญต่อสิ่งที่เกิดขึ้น   การยอมรับทำให้ใจสงบได้ อาจจะดีกว่าการที่ไม่มีเสียงดังมากระทบหู หรือไม่มีความคิดเกิดขึ้นมา ในใจ เพราะฉะนั้นลองสังเกตดู ระหว่างที่เราปฏิบัติ ไม่ว่าจะพบกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ แต่ว่ามันมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับเราตลอดทั้งวันและทุกวันด้วย อยู่ที่เราจะรู้จักมอง รู้จักเก็บเกี่ยวหรือเปล่า 

Duration: 00:28:47
25680617pm--จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม
Jul 17, 2025

17 มิ.ย. 68 - จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม :  สติเป็นเหมือนตาในที่คอยสอดส่องดู ไม่ปล่อยให้มันล่วงล้ำเข้ามารบกวนจิตใจ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับทวารบาลหรือทหารยามเฝ้าประตูเมือง ไม่ปล่อยให้ศัตรูเข้ามาก่อความปั่นป่วนในเมือง เพราะฉะนั้นถึงแม้เรายังไม่มีปัญญาชนิดที่ว่าอะไรมากระทบแล้วใจไม่กระเทือน ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเศร้า ปุถุชนอย่างเราก็ยังมีอารมณ์พวกนี้อยู่ แต่ก็ยังมีด่านสุดท้ายที่อารมณ์พวกนี้มาทำร้ายใจเราไม่ได้ คือมีสติเห็นมัน

ฉะนั้นการที่เรามาฝึกใจให้เห็นความคิด อารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ โดยที่ไม่เข้าไปสู้รบตบมือกับมัน มันเป็นการศึกษา เป็นการพัฒนาจิตที่สำคัญ และถ้าเรามาพัฒนามาตรงจุดนี้ได้ ต่อไปการที่จะพัฒนาให้เกิดปัญญาจนกระทั่งเห็นความจริงของสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด   เจออนิฏฐารมณ์ หรือเจอโลกธรรมฝ่ายลบ จิตก็ไม่หวั่นไหว ใจก็ไม่กระเพื่อม ยังคงเป็นปกติสุขอยู่ได้ สภาวะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้ แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นต้องมีสติที่ช่วยให้จิตปลอดภัยจากอารมณ์ต่าง ๆ แม้มันจะเกิดขึ้น เมื่อมีการกระทบแต่ว่าก็ทำร้ายจิตใจไม่ได้ 

Duration: 00:30:29
25680616pm--วิชาใหม่ที่เลื่อนขั้นจิตใจ
Jul 16, 2025

16 มิ.ย. 68 - วิชาใหม่ที่เลื่อนขั้นจิตใจ :  การเจริญสติแบบหลวงพ่อเทียน มันไม่ยาก ไม่เรียกร้องอะไรจากเรา ไม่ได้เรียกร้องว่าต้องไม่มีความคิด ไม่ได้เรียกร้องว่าให้เราต้องรู้ทันไว ๆ แต่หลายคนคุ้นกับการบังคับจิต ก็พยายามที่จะทำอย่างนั้นกับจิตใจตัวเอง ไม่ให้อนุญาตให้ใจมีความคิด ไม่อนุญาตให้ใจมีอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ผุดขึ้นมา เพราะเห็นว่ามีแล้วใจไม่สงบ

ที่จริง สงบหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีความคิดเกิดขึ้นหรือเปล่า มันอยู่ที่ว่าไปทำอะไรกับความคิดนั้นหรือเปล่า ถ้าแค่ดูมัน เห็นมัน มันมาแล้วก็ดับไป มาแล้วก็ดับไป มันก็ไม่ว้าวุ่น​ และนี่คือวิชาที่เราควรจะมาเรียนรู้ มันเป็นการเลื่อนชั้นในการฝึกจิต จากเดิม ใช้วิธีการกดข่ม อดทนอดกลั้น บังคับเคี่ยวเข็ญ หักห้ามกำกับ พวกนี้ดี มีประโยชน์ แต่ว่ามันไม่พอ แล้วมันก็นำมาใช้รับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ไม่ดีพอ   เราก็ต้องมาเรียนวิชา รู้ซื่อ ๆ เรารู้ เราเห็น ไม่เข้าไปเป็น รู้แล้วก็วาง รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง อันนี้ไม่เหนื่อยเลย แต่ใหม่ ๆ หลายคนจะรู้สึกว่ามันยาก ที่ยากเพราะว่าไม่คุ้น ของง่ายถ้าไม่คุ้นก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้น แต่พอทำจนคุ้นแล้วก็กลายเป็นเรื่องง่าย​ ก็ให้ลองเลื่อนชั้น ด้วยการฝึกวิธีที่เราไม่คุ้น แต่ว่าไม่ยาก นั่นคือการ รู้ซื่อ ๆ เห็นโดยไม่เข้าไปเป็น ไม่ผลักไสแล้วก็ไม่ไปไหลตามหรือกดข่มมัน 

Duration: 00:28:19
25680615pm--ทุกข์เพราะใจ
Jul 15, 2025

15 มิ.ย. 68 - ทุกข์เพราะใจ : ทุกวันนี้เราคิดแต่ว่าจะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น จะไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม เพื่อเราจะได้มีความสุข ต้องการให้ทุกอย่างสมหวัง ทุกอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเราจะได้มีความสุข แต่ไม่มีทางสำเร็จ จะให้คนชม ก็มีแค่ 99% ที่ชมเราแต่ก็ยังมีอีก 1% ที่ยังตำหนิเรา กินอาหาร เจอดินฟ้าอากาศ เดินทางไปไหนก็เจอรถติด เจอฝนตก กินอาหารก็เจอรสชาติที่ไม่ถูกใจ แต่ที่จริงแล้วเป็นที่ใจเราต่างหาก

พอปรับแก้ที่ใจ ความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นรอบตัวมันก็เปลี่ยนไป ใจอาจรู้สึกเฉย ๆ หรืออาจจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ ดีที่มันมาสอนเรา มาเตือนให้เราปรับแก้ที่ใจเรา การปฏิบัติธรรมช่วยให้เราเห็นตัวเอง แล้วก็รู้ว่าเหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งความสุขที่แท้จริงโดยเฉพาะทุกข์ใจสุขใจอยู่ที่ใจเรา ถ้ามองไม่เห็นตรงนี้และไม่คิดจะแก้ไขตรงนี้ก็หาความสุขได้ยาก เพราะว่าเราก็ต้องเจอกับความผันผวนปรวนแปร เจอกับอนิฏฐารมณ์อยู่เสมอ   อนิฏฐารมณ์ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ไม่น่าพอใจ หรือที่จริงแล้วก็หมายถึงความเสื่อมลาภเสื่อมยศ หรือว่าคำนินทา จะให้ทุกอย่างถูกใจเรามันไม่มี แต่ว่าถ้าปรับแก้ที่ใจเรา สามารถจะยอมรับทุกอย่างได้ ถูกด่าว่าก็หัวเราะได้ เพราะไม่ถือ เพราะรู้ว่าเป็นเช่นนั้นเอง ใครเขาจะมองด้วยสายตาเขม่นก็ไม่ทุกข์ เพราะไม่คาดหวัง ฉะนั้นต้องหันมาปรับแก้ที่ใจเรา ไม่อย่างนั้นก็หาความสุขในชีวิตหรือจากโลกนี้ได้อย่างยากมาก 

Duration: 00:29:24
25680614pm--ฝึกใจรับมือความไม่สมหวัง
Jul 14, 2025

14 มิ.ย. 68 - ฝึกใจรับมือความไม่สมหวัง : จะว่าไปก็มีน้อยคนที่จะต้องเจอชะตากรรมเล่นแรงแบบนี้ แต่ว่ามันก็อยู่ในวิสัยที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจจะไม่ใช่เครื่องบินตก แต่อาจจะเป็นรถชน รถเกิดประสานงากัน คนเรานี่ถ้าหากว่านอกจากการวางแผนชีวิตในทางที่มุ่งหมายให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เผื่อใจไว้บ้างว่าถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่คิด ความตายมาเร็วกว่าที่คิดเราจะทำใจอย่างไร ในยามนั้นก็มีแต่ทำใจอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ถ้าเราทำใจได้ดีมันก็ไม่ทุกข์ทรมาน

แต่ทำใจอย่างนี้ได้ก็ต้องฝึก ต้องฝึก ฝึกยอมรับความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยอมรับเวลารถติด ทำอย่างไรจิตไม่ตก เวลาเพื่อนผิดนัดทำอย่างไรจะไม่ฉุนเฉียว ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ฝนตก แดดออก ทำอย่างไรจะไม่บ่นไม่โวยวาย หรือว่าแมลงเยอะ ยุงกัด ยอมรับได้ แม้ว่าเราจะฉีดยาไล่ยุงแล้วมันก็ยังมากวน   ชีวิตเราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่สมหวังอยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นบททดสอบเรา ทดสอบเพื่อให้เราเข้มแข็ง เพื่อให้เราว่องไวในการรับมือกับความไม่สมหวังที่รุนแรงในอนาคต ซึ่งบางครั้งก็หมายถึงความตายที่มาเร็ว สวนทางกับความมุ่งหวัง จะไปคาดหวังชีวิตใหม่ที่อังกฤษแต่ว่ามันกลับเป็นไปไม่ได้แล้ว หรือบางคนจะไปหาแม่ จะไปเยี่ยมแม่ ดีใจที่ได้พบแม่ แต่ระหว่างเดินทางประสบอุบัติเหตุ สิ่งที่คาดหวังเป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องทำใจอย่างเดียว   แล้วจะทำใจอย่างไรถ้าไม่ได้ฝึก โดยเฉพาะถ้าไม่รู้จักวางแผน มีแผนสำรองเอาไว้รับมือกับความไม่สมหวัง ก็จะประสบแต่ความทุกข์ ฉะนั้นแผนสำรองที่ว่านี่จำเป็นมากเลย แผนสำรองในการทำใจ นอกจากแผนสำรองในการทำให้บรรลุความสำเร็จแล้ว ก็ต้องมีแผนรองรับเวลาไม่สำเร็จ ไม่สมหวัง จะอยู่กับมันได้อย่างไรโดยใจไม่ทุกข์ 

Duration: 00:33:28
25680613pm--คนหลอกไม่ร้ายเท่ากิเลสหลอก
Jul 13, 2025

13 มิ.ย. 68 - คนหลอกไม่ร้ายเท่ากิเลสหลอก : อันนี้รวมไปถึงความซึมเศร้าด้วย ความซึมเศร้า ความท้อแท้ ความผิดหวัง ถ้าเราไม่รู้จักทักท้วงมันบ้าง ไม่รู้จักเท่าทันอุบายกิเลสของมัน มันก็จะครอบงำใจเรา แล้วพาเราดิ่งเลย ดิ่งลงเหวเลย หลายคนนี่พลาดท่าเสียทีไปกับอารมณ์เหล่านี้ จนกระทั่งทำร้ายตัวเอง มันสั่งให้ทำร้ายตัวเองก็ทำ อันนี้เพราะว่าไม่มีสติคอยทักท้วง เราก็เลยหลงเชื่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย

โลกภายนอกมันก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยคนที่จะมาหลอกเรา เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่นั่นก็ยังอาจจะไม่น่ากลัวเท่ากับโลกภายในที่มันมีอารมณ์ต่าง ๆ ที่พร้อมจะล่อหลอกเรา โน้มน้าวเรา โน้มน้าวจิตใจเราให้หลงให้เชื่อ ฉะนั้นถ้าเราไม่มีสติ ไม่รู้จักทักท้วงความคิดและอารมณ์เหล่านี้ เราก็แย่   แต่คนไม่ค่อยตระหนักถึงอุบายหรืออันตรายของอารมณ์พวกนี้ จึงหลงเชื่อมัน เรารู้แต่เพียงว่า เออ ข้างนอกมันมีคนที่จะหลอกเรา ล่อเรา หลอกเอาเงินจากเรา หลอกให้เราทำตาม แต่เราไม่ค่อยตระหนักว่าอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นในใจนี้ มันก็พร้อมที่จะล่อหลอกเรา แม้เราจะพยายามเมินมัน มันก็พยายามดึงดูดใจเราให้ไปหลงเชื่อมัน   ขนาดจะนอนก็ยังนอนไม่หลับ เพราะว่ามันมาล่อมาหลอกเรา ขนาดสวดมนต์มันก็ยังโผล่มา เพื่อล่อให้เราเชื่อ ล่อให้เราโกรธ ล่อให้เราโศก ล่อให้เราเศร้า ล่อให้เราซึม ล่อให้เราคับแค้น ท้อแท้ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีสติก็เรียกว่าหาความอิสระได้ยาก ต้องตกเป็นเหยื่อของอารมณ์เหล่านี้อยู่เรื่อยไป จนกระทั่งชีวิตนี้ตกต่ำย่ำแย่ 

Duration: 00:28:41
25680612pm--รู้จักเหตุ รู้จักผล จึงฝึกตนได้
Jul 12, 2025

12 มิ.ย. 68 - รู้จักเหตุ รู้จักผล จึงฝึกตนได้ : รู้จักตนแล้วก็รู้จักประมาณ แค่ไหนถึงจะพอดี ทำมากไปก็ไม่ใช่ ทำน้อยไปก็ไม่ถูก รู้จักประมาณ รู้จักสถาน รู้จักกาล ก็คือรู้จักกาลเทศะ แล้วก็รู้จักบุคคล อันนี้ก็หมายถึงการเกี่ยวข้องกับผู้คน รู้ว่าเป็นคนแบบไหนที่เราเกี่ยวข้องด้วย

พวกนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ปัญญาในการจำแนกแยกแยะ นี่คือสิ่งที่จะประกอบเข้าเป็นคุณลักษณะของชาวพุทธ หรือว่าสัตบุรุษ ซึ่งต้องอาศัยปัญญา ทำตามประเพณี ทำตามรูปแบบอย่างเดียวไม่พอ หรือแม้แต่ใช้ศรัทธาความเลื่อมใสอย่างเดียวก็ไม่พอ ชาวพุทธเรา หรือว่านักปฏิบัติยังขาดตรงนี้มาก แค่สองข้อแรกคือรู้จักเหตุรู้จักผลก็บกพร่องย่อหย่อนกันเยอะ ต้องกลับมาทบทวน แล้วก็ใคร่ครวญให้ดี 

Duration: 00:29:57
25680611pm-เมินได้ใจก็สงบ
Jul 11, 2025

11 มิ.ย. 68 - เมินได้ใจก็สงบ : อารมณ์ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปยุ่งกับมัน เราก็พลาดท่าเสียทีได้ รวมทั้งความคิดด้วย ลองสังเกตดู พอมีความคิดเกิดขึ้น ความคิดที่ไม่ชอบไม่ถูกใจ ที่เราเรียกว่าความฟุ้งซ่าน ความโกรธ ความหงุดหงิด หลายคนพอรู้ว่ามันเกิดขึ้นในใจ ก็เข้าไปจัดการกับมัน พยายามกดข่มมัน พยายามห้ามไม่ให้คิด แต่ยิ่งทำอย่างนั้น มันก็ยิ่งคิด ยิ่งกดข่มความโกรธ มันก็ยิ่งโกรธ มันจะหลบไปชั่วคราว แต่เผลอเมื่อไรมันก็ระเบิด หลายคนกดข่มความโกรธ จนกระทั่งพอมีอะไรมาแตะนิดเดียว ปรี๊ดแตกเลย เพราะไปยุ่งกับมัน

แต่ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้นคือว่า รู้แล้วก็เมิน รู้ว่ามันมีอยู่ แต่เมินไม่สนใจ จะอยู่ก็อยู่ไป แต่ว่าฉันไม่ไปยุ่งอะไรกับเธอ เราต้องรู้จักการวางใจแบบนี้บ้าง ก็คือเมิน ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือเสียงในหัว บางทีก็มีเสียงต่อว่าด่าทอคนนั้นคนนี้ บางทีก็มีเสียงต่อว่าครูบาอาจารย์ จ้วงจาบพระรัตนตรัย ใครที่ไปโรมรันพันตูกับเสียงในหัวแบบนี้ ก็เสร็จมันทุกราย มันยิ่งผุดยิ่งโผล่ เสียงมันยิ่งดังขึ้น แต่วิธีที่จะจัดการกับมันคือไม่สนใจมัน มันจะดังก็ดังไป ไม่สนใจ มันจะเกิดขึ้นยังไงก็ไม่สนใจ ไม่ใช่ไม่รู้ รู้ แต่เมิน ก็คือรู้ซื่อๆ นั่นแหละ รู้แล้วเมิน   ฉะนั้นถ้าเรารู้จักทำแบบนี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือเสียง การกระทำคำพูดที่รับรู้จากภายนอก มันก็ทำให้ใจเราสงบได้ การกระทำคำพูดของใครต่อใคร ก็ไม่ได้ทำให้ใจจิตหวั่นไหวใจกระเพื่อม เช่นเดียวกันแม้จะมีความคิดใดเกิดขึ้นในใจ มันก็ไม่ได้ทำให้ใจเป็นทุกข์ เพราะว่าเรารู้จักเมิน ไม่ใส่ใจกับมัน 

Duration: 00:27:26
25680610pm--เลิกหวังก็เลิกทุกข์
Jul 10, 2025

10 มิ.ย. 68 - เลิกหวังก็เลิกทุกข์ : ทุกข์ใจมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับว่าเขามีความคาดหวังเพียงใด ยังคิดที่จะไปจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ที่จริงเวลามีปัญหา มันก็ถูกแล้วที่เราพยายามเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหา ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เอาแต่วิงวอนร้องขอเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวังว่าปัญหาจะแก้ไปได้เอง หายไปเอง มันก็ไม่ถูก ก็ถูกแล้วที่เราจะเข้าไปจัดการกับปัญหา ซึ่งเป็นทัศนคติของคนในยุคปัจจุบัน มีปัญหาอะไรก็เข้าไปจัดการ ไม่อยู่เฉย แต่ว่าบางครั้งมันกลายเป็นว่า ชอบจัดการกับปัญหาทุกเรื่อง จนมองข้ามความจริงว่า ความคิดที่จะไปจัดการกับปัญหา บางทีมันกลายเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับเราเอง

เพราะเมื่อปัญหานั้นมันแก้ไม่ได้หรือไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะแก้ได้ มันก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาก เกิดความท้อแท้ เกิดความผิดหวัง เกิดความกลัดกลุ้ม เสร็จแล้วก็ไปโทษว่า เป็นเพราะว่าปัญหามันหนัก ไปโทษคนนั้นคนนี้ที่มีส่วนทำให้เกิดปัญหา แต่ลืมมองไปว่าความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่ไม่ยอมรับว่าปัญหามันแก้ไม่ได้ หรือเกิดจากความคาดหวังว่ามันต้องแก้ได้   คนเราเจอปัญหาหลายแบบ บางอย่างก็แก้ได้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้ ถ้าเราเจอปัญหาที่แก้ได้ ก็สมควรที่เราจะใช้ความเพียรพยายาม ใช้ความมุ่งมั่น แต่ถ้าเกิดว่าเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ แล้วยังใช้ความเพียรพยายามไม่หยุดหย่อน ด้วยความคิดว่ามันจะแก้ได้ คาดหวังว่ามันต้องแก้ได้ พอมันแก้ไม่ได้นี่จะทุกข์มาก หรือว่าปัญหาบางอย่างแม้จะแก้ได้ แต่ว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่จะแก้ได้ในเวลานี้ แต่พอพยายามจะแก้ให้ได้ มันก็ไม่ต่างจากเอาหัวชนฝา เลยเกิดความทุกข์ใจ 

Duration: 00:28:23
25680604pm--ทุกข์เปิดใจให้เห็นธรรม
Jul 09, 2025

4 มิ.ย. 68 - ทุกข์เปิดใจให้เห็นธรรม : ความตายของคนที่เรารักหรือความตายของเราเอง ถ้าเราไม่หลับใหล เราเข้าใจสัจธรรมความจริง ความตายความสูญเสียคนรักมันก็ไม่ทำให้ทุกข์ระทมมาก นางกีสาโคตมีเห็น เข้าใจ พอเข้าใจก็ดวงตาเห็นธรรม ตอนหลังท่านก็บวชแล้วได้เป็นพระอรหันต์

เรียกว่าทุกข์ไม่ใช่แค่ให้ประโยชน์ในทางโลก แต่ว่ามันสามารถจะทำให้เกิดประโยชน์ในทางธรรมได้ มันทำให้เกิดปัญญาขึ้นมา แต่ว่าคนส่วนใหญ่ พอเจอทุกข์แล้วจมอยู่ในความทุกข์ ใจปิดไม่รับรู้ อย่าว่าแต่เห็นสัจธรรมเลย แม้กระทั่งเกิดความคิดที่จะทำให้เกิดช่องทางที่จะพบความสำเร็จในทางโลกก็ไม่มี เราเจอความทุกข์ ให้เรามองว่า มันสามารถจะเปิดใจให้เราได้คิดบางอย่าง   ทุกข์มีเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา อย่างน้อยๆ ก็ช่วยทำให้เราเห็นทางออก หรือเกิดความคิดที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในทางโลก หรือมิฉะนั้น ถ้าเจอทุกข์หนักๆ ยิ่งทำให้เกิดประโยชน์ที่สูงค่ากว่านั้นคือ เกิดประโยชน์ทางธรรม เปิดใจเราให้เห็นสัจธรรมได้ พอเข้าใจแบบนี้หรือตระหนักแบบนี้ เวลาเจอทุกข์หรือเจอความผิดหวัง ไม่สมหวัง ก็อย่าจมอยู่ในความทุกข์ ลองตั้งสติให้ดี แล้วอาจจะพบสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีๆ ที่นำไปสู่ประโยชน์ทางโลกหรือว่า ประโยชน์ในทางธรรม 

Duration: 00:28:47
25680603pm--หาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ
Jul 08, 2025

3 มิ.ย. 68 - หาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ : เพราะความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นกู ยึดว่าความปวดเป็นกู เป็นของกู ละความยึดมั่นที่ว่านี้ มันก็เหลือแต่ความปวดกาย แต่ว่าใจไม่ปวดแล้ว ปวดกายแต่ใจไม่ปวดได้เพราะรู้ เพราะรู้ความจริงว่าเกิดจากความยึดมั่นสำคัญหมายว่าความปวดเป็นกู เป็นของกู

จะเห็นอย่างนี้ได้ จะรู้อย่างนี้ได้ ก็ต้องเจอความปวด เจอความทุกข์ ถ้านอนอยู่ในห้องแอร์สบาย ๆ ไม่เห็นหรอก ไม่รู้ว่าอะไรคือสมุทัย แล้วถ้ารู้สมุทัย มันก็จะรู้ต่อไปว่าทำไมถึงจะไม่ทุกข์ ก็ละวางความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นกู เป็นของกู เริ่มจากการที่เห็นมัน ไม่เข้าไปเป็นมัน เห็นด้วยสติ ต่อไปก็เห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยปัญญาก็เห็นจากไหน เห็นจากความทุกข์นี่แหละ เห็นจากความปวดนี่แหละ ถ้าไม่ปวดก็ไม่เห็น ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่เกิดปัญญา​ อันนี้เรียกว่าพัฒนา หรือเขยิบขยับจากการรู้ซื่อ ๆ หรือว่ารู้แล้ววางมาเป็นการรู้แล้วเกิดปัญญาขึ้นมา   เพราะฉะนั้นให้เราเข้าใจเห็นให้ชัดว่าเหตุแห่งทุกข์ที่แท้มันคืออะไร โดยเฉพาะเวลาเกิดความทุกข์ใจนี้อย่าไปผิดฝาผิดตัว ไปมองไปโทษว่าความทุกข์เกิดจากสิ่งภายนอก ความทุกข์กายนั้นใช่ แต่ความทุกข์ใจเหตุแห่งทุกข์นี่มันมีอยู่ที่ใจเราทั้งนั้นเลย ฉะนั้นถ้าปฏิบัติแล้วไม่เห็นตรงนี้ มันก็ต้องปฏิบัติเรื่อยไป จนกว่าจะเห็น 

Duration: 00:29:25
25680602pm--มือถือคืออุปกรณ์ฝึกสติ
Jul 07, 2025

2 มิ.ย. 68 - มือถือคืออุปกรณ์ฝึกสติ : ถ้าเวลาเราอยู่บ้าน หรือว่ายังไม่สามารถปลีกตัวมาวัดได้ เราต้องอยู่กับงาน ต้องทำงาน ต้องอยู่กับครอบครัว มันก็ยังมีโอกาสปฏิบัติได้เหมือนเดิม ถ้าเรายังมีเวลาอาบน้ำ ถ้าเรายังมีเวลาถูฟัน ถ้าเรายังมีเวลากินข้าว เราก็ยังสามารถปฏิบัติได้ และถ้าเรายังใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือ ยังมีโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้มือ ก็ใช้มันเพื่อฝึกจิตฝึกใจของเรา

ของทุกอย่างอย่าให้มันก่อโทษกับเราสถานเดียว ต้องรู้จักหาประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์จากมันด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าโทรศัพท์มือถือหรืออะไรก็ตาม ถ้าเราใช้มันให้เป็น ก็มีประโยชน์ แม้กระทั่งอารมณ์ เช่น ความหงุดหงิด ความโกรธ ความเบื่อ ความเซ็ง ความฟุ้งซ่าน พวกนี้ก็อย่าปล่อยให้มารบกวนจิตใจเราทั้งวัน ต้องรู้จักใช้มันบ้าง เอามาฝึกสติ   อย่างที่เคยพูดไว้ว่า “หลง” มี 2 แบบ หลงเพื่อหลงกับหลงเพื่อรู้ หลงเพื่อหลงคือหลงแล้วก็หลงอีก แต่ว่าหลงเพื่อรู้นี่ ความหลงมันเกิดขึ้นเพื่อให้เรารู้ ความโกรธก็เหมือนกัน ความโกรธไม่ใช่ว่าจะชวนเราไปทางเสียหายอย่างเดียว ถ้าเราใช้ความโกรธให้เป็น มันก็ฝึกจิตฝึกใจเราได้ เพราะว่าเรารู้ทันความโกรธ ก็ต้องเจอความโกรธบ่อยๆ   ความทุกข์ก็เหมือนกัน เราจะพ้นทุกข์ได้ ก็ต้องเจอทุกข์บ่อยๆ อย่างที่หลวงพ่อพรหมมาท่านเคยพูด จะพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่อาจพ้นทุกข์ได้ อันนี้ท่านสอนเพื่อเตือนเราว่า ความทุกข์ถ้าใช้เป็นก็มีประโยชน์ และก็ไม่ต้องกลัวทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ แต่ถ้าอยากให้พ้นทุกข์ก็ต้อง เข้าหาทุกข์ ที่จริงไม่ต้องเข้าหาก็ได้ เพราะทุกข์มันก็มาหาเราอยู่แล้วเรื่อยๆ แต่บางทีไม่มี ก็ต้องเข้าหามันบ้าง เพราะว่าถ้าสบายเกินไป มันก็จะมีแต่เกิดความหลงหนักขึ้น 

Duration: 00:27:42
25680601pm--ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
Jul 06, 2025

1 มิ.ย. 68 - ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด : ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จ ที่ประสบกับสิ่งที่ถูกใจ มันก็คือการที่ไม่ลืม ไม่หลง ไม่ละเลยการทำสิ่งดี ๆ ที่ควรทำ ไม่ใช่เอาแต่เพลิดเพลินจนลืมเนื้อลืมตัว อันนี้ไม่ใช่ การที่จะเพลิดเพลิน หรือ มีความสุข มันควรจะเป็นสิ่งที่คนที่ประสบทุกข์ควรจะทำมากกว่า เพราะว่าถ้ามัวแต่จมอยู่กับความทุกข์ ความไม่สมหวัง ก็มีแต่จะทำให้จิตใจย่ำแย่ ในทุกข์มันมีสุข

พระพุทธเจ้ายังตรัสไว้เลย ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ก็ยังหาสุขพบ แม้ว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่เราบางครั้งหนีไม่พ้น แต่เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ทุกข์ได้ ถ้าเรารู้จักทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ก็คือการที่ไม่ปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์ หาโอกาสที่จะเติมสุขให้ใจ หาโอกาสที่จะทำสิ่งดี ๆ ที่จะทำให้เวลาที่มีอยู่ มันมีคุณค่า   ถ้ากำลังจะตายก็เตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับความตายที่จะมาถึง เหมือนกับที่คุณหมอแนตหรือหมอนิษฐาที่แนะนำคุณยาย รถไฟยังไม่มา เราก็เตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นรถไฟ แล้วก็หาอะไรสนุก ๆ ทำ พอรถไฟมาก็เราจะได้พร้อมที่จะขึ้นได้ โดยที่ไม่มีห่วง ไม่มีอาลัย 

Duration: 00:25:29
25680531pm--ธรรมอย่างไรเมื่อใจเครียด
Jul 05, 2025

31 พ.ค. 68 - ธรรมอย่างไรเมื่อใจเครียด 

Duration: 00:56:26
25680530pm--ต้นทางแห่งอิสรภาพ
Jul 04, 2025

30 พ.ค. 68 - ต้นทางแห่งอิสรภาพ : เกิดจากความหลงผิด ว่าจิตเป็นเรา เป็นของเรา บังคับได้ สั่งได้ แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติ สามารถจะเห็นได้ว่าเห็นความคิด เห็นอารมณ์ เห็นอาการของจิต พอเห็นแล้วมันก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ความคิดไม่ใช่เรา ความโกรธไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่ของเราก็ไม่ไปยึดมัน เมื่อไม่ไปยึดมันว่ามันเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นของมัน มันทำอะไรเราไม่ได้

อันนี้คืออิสระขั้นต้นที่เราควรจะสัมผัสได้จากการปฏิบัติ มาปฏิบัติแล้วไม่เห็นตรงนี้ ก็ถือว่ายังไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร แล้วต่อไปมันก็จะเห็นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นความจริง ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่เห็นความจริงจากสิ่งที่เป็นรูปธรรม ว่ามันไม่ใช่ของเรา มันไม่ใช่เรา   ทรัพย์สมบัติ เงินทอง ชื่อเสียง ร่างกาย ไม่ใช่ของเรา จิตมันวางเลย มันไม่ยึดว่าเป็นของเราแล้วสิ่งเหล่านี้ พอใจไม่ยึดว่ามันเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นของมัน เราก็เป็นอิสระ มันจะเสื่อม มันจะเป็นอย่างไร ใจก็ไม่ทุกข์ อันนี้มันเป็นวิถีสู่อิสรภาพทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งเริ่มต้นจากการที่เรามีสติเห็นอาการของใจ เห็นความจริงของจิต และความคิดอย่างที่ว่ามา 

Duration: 00:28:39
25680529pm--สูงสุดคืนสู่สามัญ
Jul 03, 2025

29 พ.ค. 68 - สูงสุดคืนสู่สามัญ : ท่านอาจารย์โกวิทบอกคือ การไร้ความกังวล สิ้นไร้ความทะยานอยาก ไร้ศัตรูคู่อาฆาต ความอยากบรรลุธรรมก็ไม่มีแล้ว อันนี้ก็เรียกว่าเป็นองค์ประกอบของความสุขก็ได้ คนที่อุทิศตัวเพื่อการภาวนา เพื่อบรรลุธรรม การเข้าถึงนิพพานนี่กลายเป็นจุดหมายสูงสุดของอาจารย์โกวิท แต่ว่าพอถึงจุดหนึ่ง ปรากฏว่าก็แค่ไม่มีความกังวล สิ้นไร้ความทะยานอยาก ไร้ศัตรูคู่อาฆาต ความอยากบรรลุธรรมไม่มีแล้ว อันนี้กลายเป็นความสุขได้ อาจเป็นเพราะว่าอาจารย์โกวิทได้ถึงจุดหมายของชีวิตแล้ว หรือถึงแม้ยังไม่ถึง แต่ว่าพอไม่มีความทะยานอยาก ความสุขก็เกิดขึ้นได้ ก็เรียกว่าจากสูงสุดคืนสู่สามัญ

ที่จริงความสุขไม่จำเป็นต้องสูงส่งอะไร เพียงแค่มีความรู้เนื้อรู้ตัว ไร้ความกังวล ไร้ความทะยานอยาก แม้จะเจอทุกขเวทนารักษาไม่หาย โรคพาร์กินสันสร้างความเดือดร้อนมาก แต่กับท่านอาจารย์โกวิทนั้น มองว่าไม่สำคัญเท่ากับว่า การที่ไร้ความกังวล ไร้ความทะยานอยาก แม้กระทั่งความอยากบรรลุธรรมก็ไม่มีแล้ว อันนี้ก็เรียกเป็นความสุขได้ จากชีวิตที่มุ่งความอุดมคติ มุ่งสูงสุดก็กลับมาคืนสู่สามัญ 

Duration: 00:32:16
25680528pm--หลงเพื่อรู้ ทุกข์เพื่อไม่ทุกข์
Jul 02, 2025

28 พ.ค. 68 - หลงเพื่อรู้ ทุกข์เพื่อไม่ทุกข์ : ยิ่งกลัวอะไรยิ่งต้องเจอสิ่งนั้น ยิ่งกลัวทุกข์ก็ยิ่งเจอทุกข์ จึงไม่พ้นทุกข์ ยิ่งกลัวเกิดก็ยิ่งต้องเกิด จึงไม่พ้นเกิด ถ้าหากไม่อยากเกิดก็อย่าไปกลัวเกิด แต่ควรหาประโยชน์จากการเกิดว่า อะไรทำให้เกิด ไม่ว่าจะเป็นการเกิดจากท้องแม่ หรือการเกิดเป็นตัวกู มันก็ล้วนแต่มีสมุทัยก็คืออุปาทาน เพราะอุปาทานทำให้เกิดภพทำให้เกิดชาติ ถ้าไม่อยากเกิดก็ต้องเข้าใจทุกข์ เห็นทุกข์ จนกระทั่งรู้ว่ามันเกิดจากอุปาทาน มีอุปาทานจึงเกิดทุกข์ ถ้าไม่มีอุปาทานหรือละอุปาทานได้ก็ไม่เกิดทุกข์ แล้วก็ย่อมไม่นำไปสู่การเกิด ไม่ว่าจะเป็นภพชาติ ไม่มีภพไม่มีชาติ ก็ไม่มีชรามรณะ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าหลงก็ดี ผิดก็ดี ทุกข์ก็ดี มันไม่ใช่เลวร้ายในตัวมันเอง อะไรเกิดขึ้นกับเรา มันจะดีหรือร้าย อยู่ที่เราว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร เราทำกับมันอย่างไร หลงถ้าไม่รู้ทัน มันก็ไม่ดี แต่หลงจะกลายเป็นดีได้เมื่อเรารู้ทัน ผิดกลายเป็นดี ถ้าเราเอามาเป็นครู จนสามารถจะทำความถูกต้องให้เกิดขึ้นได้ ทุกข์ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เลว ทุกข์สามารถเป็นประตูไปสู่สมุทัย นิโรธ แล้วก็มรรคได้ ถ้าหากว่าเรารู้จักมอง อย่างที่หลวงพ่อกงมาบอก ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่พ้นทุกข์   เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอทุกข์ก็ถือว่าเป็นของดี เราจะได้เรียนรู้วิธีที่จะออกจากทุกข์ เหมือนกับที่อาจารย์กำพลบอกว่า ขอบคุณความทุกข์ เพราะความทุกข์สอนให้ผมรู้จักการออกจากทุกข์ เวลาเจอหลง ก็อย่าหลงเพื่อหลง แต่ให้หลงเพื่อรู้ หรือเปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ 

Duration: 00:30:41
25680527pm--เป็นสุขเมื่อหมดความทะยานอยาก
Jul 01, 2025

27 พ.ค. 68 - เป็นสุขเมื่อหมดความทะยานอยาก : ท่านอาจารย์พุทธทาสพูดอยู่ 2 ประโยค ก็คือว่า อยู่อย่างไม่มีความทุกข์ไปเรื่อยๆ กับทำประโยชน์กับผู้อื่นให้มากที่สุด เท่านี้ก็พอแล้ว อันนี้มันก็โยงไปกับคำสอนของท่านที่พูดอยู่เสมอว่า ชีวิตที่ดีคือ ชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์ สงบเย็นเพราะว่าอยู่อย่างไม่มีความทุกข์ แล้วก็ไม่ทิ้งเรื่องการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น อันนี้ก็เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของพวกเราได้ แต่ละวันๆ ถามตัวเองว่าตอนนี้เราสงบ เราพบความสงบเย็นหรือยัง หรือว่าจิตใจยังว้าวุ่น วุ่นวายรุ่มร้อน ยังมีความวิตกกังวล ก็ต้องพยายามทำให้ความรุ่มร้อนมันลดลง ทำให้ความวุ่นวายมันเบาบางลง

การเจริญสติจะช่วยทำให้เราเข้าถึงความสงบเย็น โดยที่ไม่ทิ้งการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ไม่ใช่สงบเย็นด้วยการหลบลี้หนีผู้คนเข้าไปอยู่ป่า โดยไม่สนใจที่จะช่วยเหลือผู้คน ในขณะที่เรายังไปไม่ถึงระดับของท่านอาจารย์พุทธทาส แล้วก็อาจารย์โกวิท เราก็ต้องเพียรพยายามไปเรื่อยๆ จนไกลถึงจุดที่เราจะรู้สึกว่า หมดสิ้นซึ่งการแสวงหาแล้ว เพราะว่าเข้าถึงความสงบ จะเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ไม่สำคัญ แค่ไม่ทุกข์ก็พอแล้ว 

Duration: 00:28:46
25680526pm--นิ่งได้แม้ถูกใส่ความ
Jun 30, 2025

26 พ.ค. 68 - นิ่งได้แม้ถูกใส่ความ : ท่านอาจารย์พุทธทาสซึ่งที่จริงก็สะท้อนความเป็นพุทธด้วย ก็คือว่าไม่หวั่นไหวต่อคำต่อว่าด่าทอ อันนี้ก็เป็นเครื่องวัดว่า เราปฏิบัติธรรมได้แค่ไหน ก็คือว่าเวลามีคนนินทาว่าร้าย ต่อว่าด่าทอแล้วใจเรานิ่งแค่ไหน หรือถึงไม่นิ่ง เรารู้จักควบคุม ไม่ตอบโต้ ไม่เอาคืน

แม้บางอย่างการเอาคืนบางอย่างมันจะดูถูกต้องตามทางวิถีโลก เช่น ฟ้องหมิ่นประมาท แต่ว่าในทางธรรมมันก็แสดงว่าใจยังไม่นิ่งพอ เพราะว่ายังหวงแหนภาพลักษณ์ ยังมีอัตตาตัวตนสูง เพราะฉะนั้นจึงอยู่เฉยไม่ได้เวลามีคนพูดไม่ดีกับเรา หรือว่าใส่ร้ายเรา แต่ถ้าคนที่เขาอัตตาตัวตนน้อย ไม่ยึดติดในภาพลักษณ์ มีใครมาต่อว่าด่าทออะไรก็ไม่กระเทือน ไม่มีความจำเป็นต้องไปตอบโต้ ไม่มีความจำเป็นต้องเอาคืน ไม่มีความจำเป็นต้องมาขอขมา ถ้าจะมาขอขมาเองก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราไม่ทำ อันนี้เป็นวิสัยของนักปฏิบัติธรรม   แต่คนที่ใช้ชีวิตทางโลกก็จะใช้อีกวิธีหนึ่ง ตอบโต้ เอาคืน เพราะนั่นคือวิถีโลก แต่วิถีธรรมมันตรงข้าม อย่างท่านฮาคุอินหรือพระพุทธเจ้านี่ก็เป็นตัวอย่าง ที่ท่านพุทธทาสท่านทำ แล้วก็เป็นตัวอย่างว่าแม้ว่าถูกกระทบใจไม่กระเทือนก็ได้ เพราะว่าอัตตาตัวตนน้อย แล้วเพราะไม่ยินดีใน ไม่ยึดติดหวงแหนในภาพลักษณ์ จึงไม่เป็นทุกข์กับคำต่อว่าด่าทอจนต้องขยับ ต้องเอาคืน ต้องตอบโต้อย่างที่เรามักจะเห็นทั่วไปในสังคมทุกวันนี้ 

Duration: 00:33:29
25680525pm--งานมากมายแต่ใจไม่วุ่นวาย
Jun 29, 2025

25 พ.ค. 68 - งานมากมายแต่ใจไม่วุ่นวาย : เราบริหารใจ บริหารงาน บริหารเวลาด้วยดี ชีวิตมันก็จะง่ายขึ้น ไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน ไม่ร้อนรน แล้วก็ไม่รุงรัง แต่มันก็ต้องให้เวลากับการฝึกจิต เพราะถ้าไม่ให้เวลากับการฝึกจิตมันก็จะมีปัญหา การฝึกจิตก็เป็นเรื่องที่สำคัญแต่มันไม่ด่วน แต่หลายคนกว่าจะรู้ว่าสำคัญก็ต่อเมื่อพลาดไปแล้ว เช่น ทะเลาะเบาะแว้งจนกระทั่งทุบตีเพราะเกิดจากความวู่วาม เกิดโทสะ หรือว่าไปลักขโมย ไปทุจริต ถูกจับได้ เพราะว่ามันเกิดความโลภเรียกว่าหน้ามืด หรือบางทีก็ไปทำมิดีมิร้ายกับคนอื่นเพราะว่าหน้ามืด ถึงตอนนั้นรู้ว่าเป็นเพราะว่าเราขาดสติ ไม่รู้จักครองสติ พอติดคุกติดตะรางไป ก็เลยมาได้คิดว่าเป็นเพราะเราไม่ให้สำคัญ ไม่ให้เวลากับการฝึกสติ

มีหลายคนมานึกได้ก็ตอนที่มันสายไปแล้ว ตอนที่เผลอทำตามอารมณ์ หรือทำด้วยความวู่วาม แล้วค่อยมารู้ว่าถ้ารู้อย่างนี้ก็จะให้เวลากับการฝึกสติ ฝึกจิตมากขึ้น อาจจะทำตั้งแต่ยังหนุ่มเลย ไม่ใช่มารอทำเอาหลังจากที่มันเกิดเหตุแล้ว แล้วคนส่วนใหญ่ก็มักจะมาคิดได้ตอนนี้ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องฝึกจิตอย่างเดียว   แม้กระทั่งเรื่องการออกกำลังกายด้วย พอร่างกายมันแย่ เครื่องพังขึ้นมา ถึงค่อยรู้ว่าเราน่าจะให้เวลากับการออกกำลังกายมากกว่านี้ แต่นี่กลับมองข้าม ไม่ใส่ใจ เพราะไปมัวทำแต่สิ่งที่สำคัญและด่วน หรือสิ่งที่ไม่สำคัญแต่ด่วน ทำทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่สำคัญและไม่ด่วน อันนี้เพราะว่าไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน เรียกว่าไม่รู้จักบริหารงาน และไม่รู้จักบริหารใจด้วย 

Duration: 00:29:28
25680524pm--เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม
Jun 28, 2025

24 พ.ค. 68 - เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม : ทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา แม้กระทั่งความทุกข์ มันก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรู้จักมอง หรือพูดแบบหลวงพ่อคำเขียนคือ รู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ เพราะที่จริงแล้วพิษของพืชบางชนิด ถ้าเอามาปรุงเอามาจัดการสักหน่อยก็เป็นยาได้

ความทุกข์ที่ทำให้คนบางคนคลั่งแค้น จะเป็นจะตาย หรือบางทีถึงกับฆ่าตัวตายนี่มันสามารถจะทำให้บางคนหรือผู้มีปัญญากลายเป็นอริยบุคคลได้ อย่างความรู้ที่เกิดจากนางกีสาโคตมีและนางปฏาจารา นั่นก็คือสิ่งเดียวกันกับที่ทำให้ทั้งสองท่านเป็นพระอริยบุคคล อันนี้เขาเรียกว่ารู้จักเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม   ฉะนั้นเราซึ่งเป็นนักปฏิบัติก็ต้องรู้จักฉลาด ถึงแม้จะไม่เรียกเราเป็นนักปฏิบัติแต่ถ้าใฝ่ธรรมก็ต้องรู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ให้ได้ อย่างน้อยก็รู้จักมองว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นกับเราดีเสมอ แม้บางอย่างดูเหมือนจะเป็นพิษ แต่ก็ยังที่หมอชีวกพบว่า สิ่งที่เป็นพิษก็ทำเป็นยาได้เหมือนกัน 

Duration: 00:29:43
25680523pm--เจอทุกข์อย่าได้ท้อ
Jun 27, 2025

23 พ.ค. 68 - เจอทุกข์อย่าได้ท้อ : เวลาเจออารมณ์ที่เป็นอกุศล หรือแม้กระทั่งอารมณ์ที่น่าพอใจก็ตาม อย่าปล่อยใจให้มันจมอยู่ในอารมณ์เหล่านั้น ต้องรู้จักถอนใจออกมา จนเห็นว่าอารมณ์พวกนี้ก็อันหนึ่ง ใจเราก็อันหนึ่ง หรือเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ความดีใจก็ไม่ใช่เรา ความเสียใจก็ไม่ใช่เรา ความโกรธก็ไม่ใช่เรา ความทุกข์ความสิ้นหวังก็ไม่ใช่เรา มีอารมณ์พวกนี้เกิดขึ้นได้ แต่มันทำอะไรจิตใจไม่ได้ เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรา หรือว่ารู้จักวางระยะ

เกิดระยะห่างระหว่างอารมณ์เหล่านี้กับจิตใจ เราก็รู้จักวางระยะกับคนที่ไม่แน่ใจว่าป่วยด้วยโรคโควิด หรือเป็นหวัดหรือเปล่า เราก็เรียกว่าโซเชียลดิสแทนชิ่ง social distancing แต่ว่ากับอารมณ์ที่มันเป็นอกุศลก็เหมือนกัน เราก็ต้องรู้จักวางระยะห่างจากมันบ้าง มันเกิดขึ้นก็อย่าให้มันครอบใจเรา ต้องรู้จักพาใจออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น เห็นว่าอารมณ์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง หรือความทุกข์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง   ตรงนี้แหละที่จะทำให้รอดจากความทุกข์ แล้วก็ผ่านมันไปได้ เหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านสถานที่ต่างๆ ทั้งซากไฟไหม้ ทั้งโรงขยะ อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนว่า ให้รักษาใจเหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านตลอด ไม่มีมีการแวะ ไม่มีการไปข้องติดกับอะไร ถ้าหากว่าเราทำอย่างนั้นได้ เราก็จะเข้มแข็งกว่าเดิม ความทุกข์จะทำให้เราเข้มแข็งกว่าเดิม   อย่างที่บางคนพูดว่า แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร ถ้าเราหยุดก็ถูกมันไหม้เผาผลาญจนไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าผ่านมันได้เราจะเข้มแข็งกว่าเดิม หรือประสบสิ่งดีๆ มากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ที่ทำให้เรามีปัญญา มีภูมิคุ้มกันในการเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงยิ่งขึ้น หรือรุนแรงกว่านั้นในวันข้างหน้าได้ 

Duration: 00:29:15
25680522pm--ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ
Jun 26, 2025

22 พ.ค. 68 - ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ : แม้ว่ามันจะมีอารมณ์เกิดขึ้นเมื่อมีการกระทบ แต่ใจถ้าไม่กระเทือนก็ได้ ถ้าไม่ไปยึดอารมณ์เหล่านั้น ใจก็ยังสงบได้ สงบได้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีอารมณ์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเครียด แม้มันยังมีได้ แต่ว่าใจก็ไม่ทุกข์ ใจก็ไม่กระเทือน เพราะว่ารู้ทัน รู้แล้วก็วาง รู้แล้วก็วาง ในที่สุดอารมณ์นั้นก็จางคลายไป

นี่คือความสงบที่ไม่เกินเอื้อมของพวกเรา และที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อมารู้จักกับความสงบชนิดนี้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีอะไรมากระทบ แต่สงบเพราะว่าแม้มีอะไรมากระทบแต่ว่าใจไม่กระเทือน ไม่กระเทือนเพราะว่าไม่มีอารมณ์เกิดขึ้น ไม่มีความโศกเกิดขึ้น หรือถึงแม้จะมีความโกรธ ความหงุดหงิด ความเครียดเกิดขึ้น แต่ก็รู้ทัน แล้วก็ปล่อยวางมันได้ ไม่ไปยึดมัน   พูดง่าย ๆ คือแม้มันมีอารมณ์เหล่านี้แต่ไม่เอา อันนี้คือความสงบที่มันไม่เหลือวิสัยที่เราจะทำให้เกิดขึ้นได้ แล้วมันเหมาะกับพวกเรามากเลย เพราะว่าการที่เราจะไปเจอ ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีการกระทบนี้มันยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้กระทั่งในวัดจะสงบยังไงก็มีเสียง หรือมีอะไรมากระทบ มีแมลงมากวน บางทีก็มีเสียงดัง แต่ถึงแม้จะมีเสียงดัง จะมีแมลงมากวน จะมีใครพูดไม่ถูกหู แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่ใช่เพราะไม่โกรธ ไม่ใช่ไม่ทุกข์เพราะว่าไม่มีความหงุดหงิด ความโกรธ ความหงุดหงิดมี แต่รู้ทัน แล้วก็วางมันลง 

Duration: 00:32:38
25680521pm--ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย
Jun 25, 2025

21 พ.ค. 68 - ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย : คนเราจะรู้จักยอมรับความจริงได้ มันต้องฝึก และเราสามารถจะเรียนรู้ตรงนี้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ เพราะมันจะเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเราหลายอย่าง รวมทั้งพยายามปฏิบัติแล้ว มันก็ยังฟุ้ง พยายามปฏิบัติแล้วมันก็ยังไม่สงบ นั่นแหละเป็นของดี เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกยอมรับ อยู่กับความไม่สมหวังด้วยใจที่ไม่ทุกข์ อยู่กับความไม่สำเร็จด้วยใจที่เป็นปกติ

ถ้าเราฝึกใจยอมรับความฟุ้ง ความเครียดที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะมีวิชาที่ไปต่อยอดได้เมื่อออกไปแล้ว คือฝึกใจยอมรับความเป็นไปของโลกและความเป็นไปของชีวิต อาจจะยังไม่ได้มีสติเต็มที่ ไม่ได้พบความสงบอย่างที่หวัง แต่ก็ได้บางอย่างที่มีค่าไปไม่น้อย หรือหลายอย่างด้วย หนึ่งในนั้นคือการรู้จักยอมรับ ยอมรับกาย ยอมรับใจ ยอมรับความจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ   หลายคนที่มาก็ประสบความสำเร็จ เพราะว่าอาศัยความเพียร แต่มันไม่พอ อย่างที่บอก หลายอย่างหลายสิ่งมันไม่สามารถจะบรรลุได้เพราะความเพียร หรือเหตุปัจจัยยังไม่มากพอที่จะทำให้บรรลุได้ แต่ถ้ารู้จักทำใจยอมรับ มันก็ช่วยทำให้เราอยู่ในโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ เจอความไม่สมหวังก็ไม่ทุกข์ แม้เจอความสมหวัง ใจก็ไม่ดิ่ง   อันนี้แหละคือสิ่งที่เราสามารถจะเรียนรู้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ มันเป็นสิ่งที่หลายคนไม่คิดจะมาเพื่อสิ่งนี้ ต้องการความสงบ ต้องการความพ้นทุกข์ และพ้นทุกข์ก็คือว่า ใจมันไม่คิดอะไร แต่ถ้ามันคิดล่ะ หรือคิดว่าไม่ทุกข์ เพราะยอมรับความจริงได้ เพราะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้ นี่แหละคือ สิ่งที่เราสามารถจะตักตวง เก็บเกี่ยวได้จากการปฏิบัติ แม้จะยังไม่บรรลุถึงสิ่งที่คาดหวังจากการมาที่นี่ก็ตาม 

Duration: 00:27:26
25680520pm--รู้ใจก็ไกลทุกข์
Jun 24, 2025

20 พ.ค. 68 - รู้ใจก็ไกลทุกข์ : ความหลง ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์หงุดหงิด ความรู้สึกลบ มันเกิดขึ้นได้เพราะมันมีความหลงเป็นเชื้อเป็นอาหาร แต่พอเรามีสติรู้ทัน เรียกว่ารู้ใจ ความคิดลบที่เคยทำให้เราหงุดหงิดหัวเสีย ทำให้เราเครียด ทำให้เรากังวล มันก็หายไป

พูดง่ายๆ คือว่า รู้กายทำให้รู้ใจ แล้วรู้ใจก็ทำให้ไกลทุกข์มากขึ้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความคิด ที่ชอบคิดลบ ชอบระแวง หรือความทุกข์ที่เกิดเพราะความเครียด ความกังวลที่เคยก่อกวนจิตใจ มันจะเล่นงานจิตใจเราไม่เหมือนก่อนแล้ว เพราะว่าเรามีสติรู้ทัน การรู้ใจมันก็ทำให้ใจเรามันไกลทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคิดลบ อารมณ์ที่เป็นอกุศล แม้มันยังเกิดขึ้นอยู่ แต่มันก็จะอยู่ไม่นาน ไม่สามารถรบกวนจิตใจเราได้ ยิ่งรู้ใจเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไกลทุกข์เร็วเท่านั้น   แล้วพอไกลทุกข์ ใจก็จะสงบได้ เป็นความสงบเพราะรู้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่รู้ ไม่ใช่เพราะไม่ได้ยิน แต่สงบเพราะรู้ใจ​ เราฝึกให้หมั่นรู้ใจบ่อยๆ แต่ว่าก่อนจะถึงตรงนั้นก็ต้องรู้กายก่อน รู้กายเร็วเท่าไหร่ ต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็จะรู้ใจได้ไว รู้ใจได้ไว ก็จะพาใจออกห่างจากความทุกข์ได้มากแค่นั้น 

Duration: 00:33:32
25680519pm--อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น
Jun 23, 2025

19 พ.ค. 68 - อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น : และถ้าเรายอมรับสิ่งต่าง ๆ ได้ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ถูกใจ ออกไปข้างนอกเจอความไม่ถูกใจ มันก็ไม่ทุกข์ และนั่นแหละคือความสงบที่เราอาจจะคาดไม่ถึงเลย ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีเสียงดัง แต่สงบเพราะใจมันไม่โวยวาย ใจมันยอมรับ มันก็สงบได้

ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้วจะไม่หายปวด การปฏิบัติแล้วจะหายปวด ปฏิบัติแล้วจะไม่ฟุ้ง ยังฟุ้งอยู่แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะว่าไม่คาดหวังความไม่ฟุ้ง จริง ๆ ความฟุ้งไม่ได้ลงโทษเรา ไม่ได้รบกวนเรา แต่ที่ทุกข์เพราะไม่ชอบความฟุ้ง ไม่อยากให้มันฟุ้ง คาดหวังความไม่ฟุ้ง แต่พอเราปรับใจยอมรับมันได้ วางความคาดหวังทุกอย่าง ฟุ้งก็ได้ ไม่ฟุ้งก็ได้ พอถึงเวลาที่ความฟุ้งเกิดขึ้น เราไม่ทุกข์แล้ว   เพราะอย่างที่ว่าถ้าวางใจเป็น แม้กระทั่งมะเร็งมันก็กลายเป็นของขวัญได้ นับประสาอะไรกับความฟุ้ง ถ้าเรารับมือกับมันไม่ได้ ยังทุกข์เพราะมัน นี่แสดงว่าเรายังต้องฝึกอีกมาก แสดงว่าเราจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องผ่านการฝึกฝนจากความฟุ้ง ให้มันฟุ้งเยอะ ๆ จนกระทั่งทำใจยอมรับได้ 

Duration: 00:31:03
25680518pm--ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์
Jun 22, 2025

18 พ.ค. 68 - ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์ : บางทีเราก็เครียด เราก็กังวล เพราะใจไปนึกถึงงานที่รออยู่ข้างหน้า ยังไม่ได้ไปสอบแต่ใจก็เครียดแล้ว ยังไม่ได้ไปพรีเซนต์งานในที่ประชุมเลยแต่ก็เครียดแล้ว กังวลซะแล้ว เราเครียดเรากังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วบางอย่างก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าก็เครียดไปแล้ว ทุกข์ไปแล้ว นี่เรียกว่าหลงไปอดีต ลอยไปในอนาคต สรุปแล้วก็เลยจมอยู่ในความทุกข์

แต่ถ้าเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลที่เราจะทุกข์เลยนะ ถ้าใจเราอยู่ตรงนี้ที่หอไตร มันไม่มีอะไรต้องทุกข์เลย ถึงแม้จะมีแมลงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าพื้นจะแข็งบ้างแต่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอใจเราไปนึกถึงวันพรุ่งนี้เลย โอ๋ จะต้องปฏิบัติทั้งวันจะไหวหรือนี่ จะต้องปฏิบัติอีกตั้ง 6 วัน จะไหวหรือนี่ คิดถึงงานที่ยังไม่ได้ทำ คิดถึงหนี้ที่ยังไม่ได้ผ่อน เครียดเลย แต่ทำไมถึงคิดนะ เพราะไม่รู้ตัว แล้วเรื่องที่คิดก็เป็นเรื่องอนาคต   ถ้าใจเราอยู่กับปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ มันไม่มีเหตุผลจะต้องเครียด ไม่มีเหตุผลจะต้องทุกข์ ไม่มีเหตุผลจะต้องเศร้าเลยนะ แต่ที่เราเศร้า ที่เราโกรธ ที่เราแค้น ที่เราอาลัยอาวรณ์ ที่เรากังวล เครียด เพราะใจไม่อยู่กับปัจจุบันทั้งนั้นเลย ถ้าใจกลับมาอยู่กับปัจจุบันก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้ทุกข์ สำคัญก็คือว่าใจเราไม่ยอมอยู่กับปัจจุบัน เพราะใจเราชอบหลง แต่ถ้ามีสติที่ฝึกไว้ดีแล้ว มันก็จะทำให้ใจอยู่กับปัจจุบันได้ง่าย การปฏิบัติที่เคยเป็นเรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา แล้วก็จะรู้ว่าที่มันยากเพราะเราทำให้มันยากไปเอง ไม่ใช่เพราะว่าการปฏิบัติมันยากในตัว อันนั้นไม่ใช่ 

Duration: 00:29:43
25680517am--เติมสุขด้วยธรรม
Jun 21, 2025

17 พ.ค. 68 - เติมสุขด้วยธรรม 

Duration: 01:06:27